สวดมนต์เป็น แม้คำเดียวก็สุขและรุ่งเรืองได้

สวดมนต์เป็น แม้คำเดียว
ก็สุขและรุ่งเรืองได้ !

คงยังมีหลายคนมีข้อสงสัยและถามอยู่เสมอว่า
ต้องสวดมนต์มากแค่ไหน บทไหน นานแค่ไหนแล้วชีวิตถึงจะดี

ในเรื่องนี้ได้รับเมตตาจากครูบาอาจารย์มาหลายท่าน จึงอยากเรียนให้ทุกท่านได้ทราบว่า 

อานุภาพของพระพุทธองค์ หรือสิ่งที่เป็นบทคาถาของพระพุทธองค์ อะไรก็ตามที่เป็นบทสวดของพระพุทธองค์ทุกบท

มีอิทธิฤทธิ์มีปาฏิหาริย์ 
ถ้าหาก” จิต” ของเรามีกำลังสามารถจับถึงตรงนั้นได้

แม้กระทั่งคำสั้นๆ ว่า “พุทโธ” หรือ “สุปฏิปันโน” หรือ “อรหัง” หรือ “ นะโมพุทธายะสั้นๆ เพียงเท่านี้ 

ท่านก็จะได้บารมีทั้งหมด 
แต่ขึ้นอยู่กับ “จิต” ของเราเป็นตัวกำหนด

ในสมัยก่อนหลายท่านคงจำกันได้ ปู่ย่าตายายพ่อแม่ของเรา มีคำสั่งสอนกล่าวไว้ว่า “ก่อนนอนให้สวดมนต์ไหว้พระตื่นนอนให้สวดมนต์ไหว้พระ” เพราะในเวลาที่เรานอนจิตของเราที่ได้สวดมนต์ไหว้พระจะเข้าสู่พระพุทธองค์ เพื่อที่เราจะได้อาศัยบารมีที่พระพุทธองค์ท่านสร้างสมมา ๑๔ อสงไขย กับอีกหนึ่ง ๑๐๐,๐๐๐ กัลป์คุ้มครองดูแลรักษาเรา 

หากมีเหตุให้เราตายในตอนนั้นก็ตาม หรือถูกทำร้ายให้ตายในตอนนั้น จิตของเราซึ่งจับจดอยู่กับพระพุทธองค์หรือพระรัตนตรัยอยู่แล้ว เราก็สามารถที่จะเข้าสู่สุขติภูมิ แม้นว่าจะตายโหงหรือตายจากการสิ้นอายุขัยแต่จิตเรายึดมั่นในพระพุทธองค์เราก็สามารถที่จะเข้าสู่สุขติได้โดยไม่ต้องไปเสวยวิบากกรรม 

ครูบาอาจารย์ท่าน จึงพยายามย้ำอยู่เสมอว่า 
"จิตสุดท้าย"นั้นสำคัญมาก

หลายคนก็ยังไม่วายสงสัยอีกว่า ถ้าคนนั้นทำบาปมาทั้งชีวิตเพียงจิตสุดท้ายติดกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะไปสู่ดินแดนอันเป็นสุขได้จริงหรือ 

เรื่องนี้ไม่ได้แอบอ้างหรือเขียนขึ้นมาแบบลอยๆ เพราะมีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกอย่างชัดเจน และมีผู้คนมากมายที่ปฏิบัติชั้นสูงจนได้อภิญญาและได้มีโอกาสไปพบกับเหล่าคนที่ตายและได้บอกกล่าวว่าเป็นอย่างนั้นจริง!

แต่อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ขอให้เป็นสิทธิส่วนตัวของท่านผู้อ่านที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะทำหรือไม่ทำขอให้พิจารณากันเอาเอง เพราะคนที่ไปนรกหรือสวรรค์เป็นตัวของท่านเอง 

ขณะเดียวกัน เราสวดมนต์ตอนตื่นนอน “จิต” เราก็เข้าสู่กระแสของพระพุทธองค์เหมือนกัน 

เมื่อเราออกไปสู่โลกภายนอกจิตนั้นก็มีกำลังไม่หลง
ไม่เผลอไปทำอะไรที่ไปขัดขวางความเจริญของชีวิต

เมื่องานที่ทำไม่ว่าจะเป็นการค้า การทำงานอะไรก็ตามจิตนั้นมีสมาธิ งานนั้นก็สำเร็จโดยได้ง่าย เมื่อสำเร็จจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสามด้วยความเพียร ก็มีฐานะร่ำรวยได้

จึงมีการพูดกันว่า สวดเป็นรวยตลอดชาติ
นี่คือที่มาของอานุภาพแห่งการสวดมนต์ 

แม้เมื่อ เกิดประสบเหตุรถชนตายหรือมีอุบัติเหตุต้องตาย คือ ตายก่อนวัย อันสมควร แต่จิตของเราภาวนาในพุทธศาสนาในบารมีของพระพุทธองค์ จิตของเราก็จะสามารถเข้าสู่กระแสธรรม เข้าสู่ในวิมานในสวรรค์อย่างน้อยก็อยู่ชั้นสวรรค์ 

แต่เมื่อจิตของเรามั่นคงอยู่ในฌาน ถึงระดับฌาน คือ สวดระลึกถึงพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณได้ เราก็สามารถเข้าสู่ในชั้นพรหมมาหรือในชั้นพรหมได้เลย

ตรงนี้เองเปรียบเสมือนเป็นกุศโลบาย คนโบราณที่บอกว่าก่อนนอนให้สวดมนต์ไหว้พระ ตื่นนอนให้สวดมนต์ไหว้พระ ก็เพื่อที่จะน้อมจิตเราให้เข้าอิงแอบสู่กับกระแสของพระพุทธองค์ 

เพื่อขอบารมีของพระพุทธองค์ให้คุ้มครอง

สังเกตดูคนสมัยโบราณตกใจหรืออะไรก็ตาม 
จะกล่าวคำว่า "พุทโธ" หรือเพี้ยนมาเป็น "พุทโธ่"

ก็คือ ขอบารมีพระพุทธองค์ 

หากเราเป็นผู้มีปัญญาและต้องการไปพบกับความสุข ความเจริญในบุญของเราที่อาจจะไม่ถึงการพึ่งบารมีพระพุทธองค์นั้นจึงเป็นเหตุสมควรเป็นอย่างยิ่ง หากเราไม่พึงผู้มีบุญสูงสุดทั้ง 3 โลกแล้วเราจะไปพึ่งใครอีก ขอให้พิจารณาให้ดี

การสวดมนต์นั้นไม่มีโทษเลยแม้แต่น้อย มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิตทั้งนั้น และคนที่ทำธรรมทานด้วยบทสวดมนต์ หนังสือธรรมะ หนังสือวิทยาการต่างๆ ที่เกิดประโยชน์ 

นับว่าเป็นผู้พาคนเข้าสู่ธรรมะ
เป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่กว่าการให้ทานทั้งปวง



สวดมนต์เป็น แม้คำเดียวก็สุขและรุ่งเรืองได้

ขอบคุณที่มาจาก แผ่นพับสวดมนต์ธรรมทาน


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์