การให้ ทาน มีผลมาก


การให้ ทาน มีผลมาก

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ทักขิณา ประกอบด้วยองค์ ๖ คือ ทายกมีองค์ ๓ ปฏิคาหกมีองค์ ๓ ทายก (ผู้ให้) นั้น คือ ทายกที่ดีใจ๑ เมื่อให้ทานอยู่ก็ทำใจให้เลื่อมใส๑ ครั้นให้ทานแล้วก็ดีใจ๑ (รวมเป็นองค์๓) ประเภทผู้ให้ทาน (ทายก) ๓ ประเภท ได้แก่ ๑.ทานทาโส (ผู้ให้ทาสแห่งทาน) ให้ของที่เลวกว่าที่ตนบริโภคใช้สอย ประดุจให้แก่ทาส ๒.ทานสหาโย (ผู้เป็นสหายแห่งทาน) ให้ของเสมอกับที่ตนบริโภคใช้สอย ประดุจให้แก่มิตรสหายอันเป็นที่รัก ๓.ทานปติ (ผู้เป็นนายแห่งทาน) ให้ของดีและประณีตกว่าที่ตนบริโภคใช้สอย ประดุจให้แก่ผู้อันเป็นที่เคารพนับถือบูชา

ปฏิคาหก (ผู้รับทาน) นั้น คือ เป็นผู้ปราศจากราคะหรือปฏิบัติเพื่อกำจัดซึ่งราคะ๑ เป็นผู้ปราศจากโทสะหรือปฏิบัติเพื่อกำจัดซึ่งโทสะ๑ เป็นผู้ปราศจากโมหะหรือปฏิบัติเพื่อกำจัดซึ่งโมหะ๑ (รวมเป็นองค์๓) ทักขิณา มีองค์๖ นี้ ยากที่จะนับผลได้ว่า แม่น้ำคือบุญ แม่น้ำคือกุศลผลบุญกุศลอันนี้จะนำสุขมาให้เช่นไร จะให้ผลบุญอันดีงามเท่าไร จะมีสุขเป็นผลเท่าไร จะทำให้เกิดในสวรรค์กี่ชาติ จะทำให้ได้ประโยชน์สุขอันเป็นที่ต้องการ อันเป็นที่รักใคร่พอใจเท่าไร ลงท้ายก็ถึงซึ่งการนับว่าเป็นกองบุญใหญ่นับไม่ได้ประมาณไม่ได้ เปรียบกับน้ำในมหาสมุทรซึ่งนับไม่ได้ประมาณไม่ได้ว่ามีกี่ทะนาน ฉะนั้น ครั้นตรัสดังนี้แล้วจึงได้ตรัสเป็นพระคาถาว่า "ทายกเป็นผู้ดีใจต่อการให้ เมื่อให้เลื่อมใส ให้แล้วดีใจ อันนี้เป็นความสมบูรณ์แห่งทาน ปฏิคาหก เป็นผู้ปราศจากราคะ โมหะ โทสะ เป็นนาบุญอันสมบูรณ์ บุคคลชำระล้างซึ่งมือเท้าของปฏิคาหกแล้วให้ทานด้วยมือของตน การให้ทานนี้ย่อมมีผลมากแก่ตนและผู้อื่น บุคคลผู้มีความคิดด ีผู้มีศรัทธา ผู้มีใจพ้นจากความตระหนี่ ครั้นให้ทานอย่างนี้แล้วก็เข้าถึงซึ่งโลกอันไม่มีความทุกข์อันมีแต่ความสุข คือ สวรรค์ ดังนี้พราหมณ์ ชื่อว่า เวลามะ ได้ให้อาหารมีของคาว หวาน เป็นต้น หาประมาณมิได้อยู่ตลอด ๗ ปี ๗ เดือน แก่โลกิยมหาชน ในวันสุดท้ายได้ให้ถาดทองคำ ถาดเงิน ถาดสัมฤทธิ์ ๘ หมื่น ๔ พันใบอันเต็มด้วยทองคำ เงิน และสัมฤทธิ์กับให้ช้าง รถ หญิงสาว บัลลังค์ อย่างละ ๘ หมื่น ๔ พัน ซึ่งล้วนด้วยเครื่องประดับทั้งปวง ให้แม่โค นม ผ้านุ่ง ผ้าห่ม อย่างละ ๘ หมื่น ๔ พัน ฯลฯ ทานของเวลามะพราหมณ์นั้นชื่อว่ามหาทาน แต่ว่าการให้ทานข้าวแก่พระโสดาบันเพียงองค์เดียวยังมีผลมากกว่าทานของเวลามะพราหมณ์นั้นอีก

ผู้ให้ทานย่อมได้รับอานิสงค์ ๕ ประการ

๑. เป็นที่รักที่ชอบใจของมหาชน
๒. มหาชนย่อมพอใจคบหาเขา
๓. เป็นผู้แกล้วกล้าไม่เก้อเขินในที่ประชุมชน
๔. ชื่อเสียงอันดีงามย่อมฟุ้งขจรไกล
๕. เป็นผู้เข้าสู่สุขคติโลกสวรรค์เมื่อสิ้นชีพลง
(เวลามสูตร / ปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย)

ทานบารมี (ข้อเปรียบเทียบในการให้ทาน)

>>>การให้ทานกับมนุษย์ชั้นเลวไม่มีคุณธรรมเพียงคนเดียว
ยังมีผลมากกว่าให้ทานสัตว์เดียรฉาน ๑๐๐ ตัว

>>>การให้ทานกับมนุษย์ที่รักษาศีลห้า ๑ ข้อเพียงคนเดียว
ยังมีผลมากกว่าให้ทานมนุษย์ชั้นเลวไม่มีคุณธรรม ๑๐๐ คน

>>>การให้ทานกับมนุษย์ที่รักษาศีลห้า ๒ ข้อเพียงคนเดียว
 ยังมีผลมากกว่าให้ทานมนุษย์มีศีลห้า ๑ ข้อ ๑๐๐ คน

>>>การให้ทานกับมนุษย์ที่รักษาศีลห้า ๓ ข้อเพียงคนเดียว
ยังมีผลมากกว่าให้ทานมนุษย์มีศีลห้า ๒ ข้อ ๑๐๐ คน

>>>การให้ทานกับมนุษย์ที่รักษาศีลห้า ๔ ข้อเพียงคนเดียว
ยังมีผลมากกว่าให้ทานมนุษย์มีศีลห้า ๓ ข้อ ๑๐๐ คน

>>>การให้ทานกับมนุษย์ที่รักษาศีลห้า ๕ ข้อเพียงคนเดียว
 ยังมีผลมากกว่าให้ทานมนุษย์มีศีลห้า ๔ ข้อ ๑๐๐ คน


การให้ทานกับพระโสดาบันเพียงองค์เดียว ยังมีผลมากกว่าให้ทานมนุษย์มีศีลห้า ๕ ข้อ ๑๐๐ คน
การให้ทานกับพระสกิทาคามีเพียงองค์เดียว ยังมีผลมากกว่าให้ทานข้าวแก่พระโสดาบัน ๑๐๐ องค์
การให้ทานแก่พระอนาคามีเพียงองค์เดียว ยังมีผลมากกว่าให้ทานแก่พระสกิทาคามี ๑๐๐ องค์
การถวายทานกับพระอรหันต์เพียงองค์เดียว ยังมีผลมากกว่าให้ทานแก่พระอนาคามี ๑๐๐ องค์
การถวายทานกับพระปัจเจกพระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียว ยังมีผลมากกว่าถวายทานแก่พระอรหันต์ ๑๐๐ องค์

การถวายทานแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงองค์เดียว ยังมีผลมากกว่าถวายทานแก่พระปัจเจกพระพุทธเจ้า๑๐๐ องค์

การถวายแก่สงฆ์มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน (ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป) หรือการถวาย สังฆทาน ๑ ครั้ง มีผลมากกว่าถวายทานแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑๐๐ พระองค์

Cr::::watthapklo.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
ดูดวง เลขบัตรประชาชน คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์