~ทาน~

~ทาน~


ทาน คือ การให้ปัน หมายถึงกิริยาที่สละให้แก่ผู้อื่นทั้งวัตถุและจิตใจ
คือความคิดอย่างหนึ่ง และอีกอย่างหนึ่งคือ การสละสิ่งที่เป็นข้าศึก
แก่ความจริงใจของตนเอง คือ ความโลภ โกรธ หลง

ทำไมพระพุทธองค์ท่านได้ตรัสสอนว่า ทาน การให้นี้..เป็นมงคลชีวิต
ที่ท่านตรัสเช่นนี้ ก็เป็นเพราะเหตุผลที่ว่า มนุษย์และสัตว์ทั้งปวงที่
สามารถดำรงชีวิตอยู่ในโลกร่วมกันด้วยดี ก็ด้วยอาศัยการให้ปันกัน
เช่น พ่อแม่ให้กับลูก ลูกให้กับพ่อแม่ พี่ให้กับน้อง น้องให้กับพี่ สามี
ให้กับภรรยา ภรรยาให้กับสามี ญาติกับญาติต่างให้ปันกัน ครูอาจารย์
ให้กับศิษย์ ศิษย์ให้กับครูอาจารย์ มิตรให้กับมิตร เพื่อนบ้สนใกล้เคียง
ต่างก็ให้ปันซึ่งกันและกัน อันเป็นการผูกพันรักใคร่เคารพและนึกถึงกัน
และกัน ก่อให้เกิดการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในเรื่องอื่นๆ อันจะนำไปสู่ความสุข
และความสำเร็จต่อไป

ทาน การให้นี้ท่านแบ่งออกเป็น 3 ประการคือ
1. ให้เพื่อสงเคราะห์
2. ให้เพื่ออนุเคราะห์
3. ให้เพื่อบูชาคุณ

การให้เพื่อสงเคราะห์นั้น ก็ได้แก่การให้ในระหว่างพี่น้อง ระหว่างญาติต่อ
ญาติ หรือระหว่างมิตรต่อมิตร หรือแม้แต่เครื่องบรรณาการที่ประเทศกับ
ประเทศให้กัน อันเป็นการให้ที่ผูกพันให้มีไมตรีต่อกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดความ
รักใคร่สามัคคีปรองดอง เพราะเป็นการให้ด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกื้อกูล
ต่อกันและกัน

การให้เพื่ออนุเคราะห์ คือการให้ด้วยความเมตตากรุณาปรารถนาจะให้ผู้
รับมีความสุข ความเจริญ พ้นจากความทุกข์ยากโง่เขลา เช่นบิดามารดา
ให้การอบรมเลี้ยงดู ให้อาหาร ให้เครื่องนุ่งห่ม ให้ทรัพย์สินเงินทองแก่บุตร
ครูอาจารย์ให้วิชาความรู้แก่ศิษย์ หรือเลี้ยงดูอุปการะไว้ในสำนัก หรือคน
มีทรัพย์บริจาคทรัพย์ช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุพพลภาพ ให้ทุนเล่าเรียน ให้
เครื่องอุปโภคบริโภค อันควรแก่ความต้องการของผู้รับอนุเคราะห์นั้น

การให้เพื่อบูชาคุณ คือการให้ด้วยความเคารพนับถือ ด้วยการระลึกถึงบุญ
คุณ เช่น ลูกให้กับพ่อแม่ผู้มีอุปการคุณแก่ตน ศิษย์ให้แก่ครูอาจารย์ ผู้อบรม
สั่งสอนศิลปวิทยาแก่ตน เป็นการให้ที่เป็นไปเพื่อความกตัญญูรู้คุณและใคร่
ที่จะสนองคุณท่าน การให้เพื่อบูชาคุณนี้ นอกจากจะให้แก่พ่อแม่ครูอาจารย์
แล้ว ก็ยังมีบุคคลอีกจำพวกหนึ่งที่เราให้เพื่อบูชาคุณ ท่านผู้ว่านี้ก็คือสมณะ
ผู้ทรงศีล เป็นผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นผู้ที่ชี้ทางสวรรค์ให้กับเรา
เราจำเป็นต้องทำนุบำรุงให้กำลังแก่ท่านด้วยการถวายสมณบริขารแก่ท่าน
ดังนี้ดป็นต้น...

ส่วนการสละสิ่งที่เป็นภายในของตน คือการละจากความโลภ โกรธ หลงนั้น
ถือเป็นมงคลอันยิ่งใหญ่แก่ตนอีกประการหนึ่ง ก็เพราะการสละสิ่งที่เป็นพิษแก่
จิตใจนี้ ช่วยให้จิตใจบริสุทธิ์ เป็นหนทางนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์ได้

ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ จึงเห็นได้ว่า ทาน การให้ เป็นสิ่งที่นับว่าเป็นมงคลแก่
ชีวิต เพราะเป็นสิ่งที่อำนวยผลทั้งผู้ให้และผู้รับ เพราะผู้ให้นั้นนอกจากจะได้
รับความอิ่มเอิบใจ ในเมื่อเราได้ช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ยากของผู้อื่น
หรือว่าเกิดความชุ่มชื่นใจ อันเกิดจากการได้บูชาคุณต่อผู้มีพระคุณแก่ตน
หรือมีความสุขใจเมื่อได้อนุเคราะห์ลูกหลาน จนเห็นเขามีความสุข มีความ
สำเร็จในชีวิตแล้ว ผู้ให้ยังได้รับผลอันเกิดจากการให้ของตนอีกสถานหนึ่ง
คือ เป็นการชำระจิตใจผู้ให้ ให้ผ่องแผ้ว ห่างไกลจากความโลภ ความตระ
หนี่ถี่เหนียว ถือว่าเป็นการจาคะกิเลสของตนให้หมดไป

สรุปก็คือ เราทุกคนที่มีความสุขความเจริญ มีคนรักนับถืออยู่ทุกวันนี้
ก็เพราะทาน การให้ปันกัน คือเราให้เขาบ้าง เขาให้เราบ้าง เป็นการเฉลี่ย
ความสุข ความรู้ ความฉลาด และความปลอดจากทุกข์ภัยแก่กันและกัน
เป็นคุณธรรมที่ก่อให้เกิดสุข และพ้นจากความทุกข์ยาก ฉะนั้น ทาน การ
ให้ จึงนับเป็นข้อปฏิบัติอันจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ดังนี้...ฯ

~พระนิพนธ์ สมเด็จญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์