กระดาษขีดความโกรธ

กระดาษขีดความโกรธ




กระดาษขีดความโกรธ

โดย หมออติ



“นี่ถ้าขาดสติมากกว่านี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ชีวิตที่เหลือจะเป็นยังไง”
ซิ้มกล่าวกับผมอย่างยิ้มแย้มก่อนจะเดินออกจากห้องตรวจ

หลายเดือนก่อน “ซิ้ม” นามสมมติ) หญิงวัยเกือบ ๕๐ ปี
ถูกชายรุ่นลูกที่อยู่ด้วยกันฉันผัวเมียมานานหลายปี
ทอดทิ้งไปใช้ชีวิตอยู่กับสาวสูงวัยคนใหม่อย่างไร้เยื่อใย

ซิ้มเป็นคนเข้มแข็ง จริงจัง ขยันและเก่ง
และเพราะความเป็นคนขยันทำงาน
จึงไม่ได้มีสายตาและเวลาไปเหลียวแลหนุ่มที่ไหนอีก
นอกจากลูกน้องหนุ่มของตน ที่ช่วยเหลือเจือจานกันมานานแล้ว
และเนื่องจากเห็นหน้ากันทุกวันๆ ก็กลายเป็นความรักขึ้นมา

อนิจจังไม่เที่ยง เวลาเปลี่ยนไปใจคนก็เปลี่ยนตาม
หนุ่มน้อยที่เติบโตมาเป็นหนุ่มใหญ่
กลับมีใจให้ญาติห่างๆ คนหนึ่งของซิ้มเอง

เมื่อซิ้มจับได้คาตาว่าสามีหนุ่ม ลักลอบคบหากับญาติของตน
จึงยื่นคำขาดให้สามีตัดสินใจว่าจะเลือกใคร
ถ้าจะจากไปก็ให้เอาของออกจากบ้านของตนไปให้หมด
แล้วไม่ต้องกลับมาอีก....

สามวันหลังจากนั้น เพื่อนบ้านของซิ้มก็พาซิ้มมาโรงพยาบาล
เนื่องจากเพื่อนบ้านสังเกตว่าซิ้มเปลี่ยนไป ไม่ยอมทำงาน เอาแต่ร้องไห้
และมักจะโทรศัพท์ไปด่าญาติของตนว่าแย่งผัวชาวบ้าน

วันที่ผมเจอซิ้มครั้งแรก เธอร้องไห้จะเป็นจะตาย
ไม่เหมือนประวัติที่เพื่อนบ้านเล่าให้ฟังว่า
ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นหญิงสู้ชีวิตที่เข้มแข็ง
คำที่ซิ้มมักจะพูดไปร้องไห้ไปมีอยู่สองสามคำ คือ
ฆ่ามันทั้งคู่เลยดีมั้ย เค้ายังรักชั้นอยู่ใช่ไหม ชั้นควรทำอย่างไร …

ผมให้เวลากับซิ้มได้ระบาย
และเมื่อมีจังหวะ ก็ใช้วิธีเทคนิคการให้กำลังใจ
จนซิ้มเริ่มหยุดร้องไห้ ผมแนะนำให้ซิ้มพักอยู่โรงพยาบาลสักระยะ
เพราะหากกลับบ้านไปอาจจะทำให้คิดถึงเรื่องราวเก่าๆ
และอาจจะเป็นอันตรายต่อตัวซิ้มเองก็เป็นได้
ซิ้มยืนยันจะไม่อยู่โรงพยาบาล แต่จะมาพบผมตามนัด

สามวันผ่านไป ยาที่ให้อาจทำให้ซิ้มสงบลงได้บ้าง
แต่ไม่มากนักเพราะความอาฆาตแค้นยังฝังแน่นอยู่เต็มอก
แต่วันนี้ ซิ้มร้องไห้น้อยกว่าเดิม
แม้ยังมีความรู้สึกเจ็บปวดใจอยู่มาก
“อยากโทรไปด่ามันทั้งคู่”
ซิ้มเกร็งมือแน่นเมื่อพูดถึงสามีเก่าและญาติของตน

ครั้งนี้ ผมเห็นว่าซิ้มมีสติพอจะคุมตัวเองได้มากกว่าครั้งก่อน
และเห็นว่าซิ้มคิดถึงเรื่องเก่า ๆ ที่ทำให้เกิดอารมณ์โกรธอยู่มาก
จึงแนะนำซิ้มว่า

เมื่อรู้สึกโกรธขึ้นมาครั้งใด ก็ให้เอาปากกาขีดใส่กระดาษ
ขีดไปเรื่อยๆ นี่เป็นการบ้านของผมที่ให้ซิ้มทำ

ซิ้มทำอยู่นาน ๗ วันก็กลับมาหาผมตามนัด
แล้วนำ ‘กระดาษขีดความโกรธ’ มาให้ผมดู
ซิ้มบอกว่า “มันเยอะมากเลยหมอ
เนี่ยบางทีมันคิดเรื่องโกรธนานมาก แต่ก็ติ๊กแค่ครั้งเดียว”

ในกระดาษใบนั้นนอกจากรอยขีดแล้ว
ยังมีคำด่าปนๆ มาอีกหลายคำ

ผมสอบถามความรู้สึกว่าเป็นอย่างไรบ้าง เวลาติ๊กกับเวลาโกรธ
ซิ้มบอกว่า ไม่เห็นมีอะไร มันก็แค่ติ๊กว่าเราโกรธเท่านั้นเอง
แต่ผมก็ยังแนะนำให้ซิ้มกลับไปทำการบ้านนี้ให้ผมซ้ำอีก

อีก ๑ สัปดาห์ผ่านไป ซิ้มกลับมาสีหน้าดีขึ้น
ครั้งนี้ก็ยังคงบ่นเหมือนเดิมว่า โกรธและอาฆาต
แต่ไม่ได้ร้องไห้เหมือนวันแรกๆ ที่มาพบ
ในกระดาษขีดความโกรธมีรอยขีดมากขึ้น แต่ไม่มีคำด่าปนมาด้วย

ซิ้มยิ้มๆ ส่งกระดาษให้ผม แล้วบอกว่า
มันเยอะมากเลยหมอ โกรธไปได้ยังไงเนี่ย งานการไม่ได้ทำพอดี”
ผมเริ่มสังเกตว่า ซิ้มยิ้มได้มากขึ้น
อาจจะเป็นเพราะยาที่ช่วยควบคุมให้อารมณ์ไม่หงุดหงิดก็เป็นได้
ผมนัดซิ้ม ๑ สัปดาห์เช่นเดิมและให้การบ้านเหมือนเดิม

สัปดาห์ที่สามแล้ว ซิ้มมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมากขึ้นกว่าก่อน
ซิ้มบอกว่า ซิ้มไม่ได้ทำการบ้านที่ผมให้แล้วล่ะ
เพราะรู้สึกว่าเสียเวลาไปโกรธเขา
บางทีแค่คิดเรื่องไม่ดีก็มึนหัวไปหมดแล้ว
เราจะทำตัวให้เศร้าไปทำไม
ปล่อยให้เขาไปมีความสุขก็ดีแล้ว เราก็ไม่คิดมากแล้ว
เวลาคิดแล้วมันก็รู้ว่ามีผลเสียตามมาเยอะ
อย่างแค่โกรธนี่ก็แย่มากๆ แล้วไม่เอาดีกว่า
ตอนหลังๆ พอคิดถึงก็รู้ว่าเดี๋ยวมันจะโกรธ ก็เลยหยุดคิดเอาไว้
หาอะไรมาทำแทน ก็ดีกว่าจะโกรธนะหมอนะ ..


ผมชื่นชมซิ้มว่าที่ทำดีแล้ว และทำได้ดีมากด้วย
พร้อมกับสนับสนุนความเห็นของซิ้มว่า
ดีแล้ว การโกรธเป็นเรื่องไม่ดีเลย

แม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม ซิ้มขอให้ผมนัดต่อ..
ผ่านไปสามเดือน ซิ้มยังมาคุยกับผม
เรื่องการรู้สึกว่าหลงไปคิด และหลงไปโกรธอยู่เรื่อยๆ
ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้คุยอะไรให้ซิ้มฟังมากมาย

และก่อนจะออกจากห้องตรวจครั้งล่าสุด ซิ้มก็เอ่ยกับผมว่า
“นี่ถ้าขาดสติมากกว่านี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ชีวิตที่เหลือจะเป็นยังไง”
ที่จริง ยาอาจจะมีผลต่ออารมณ์โกรธของซิ้มก็ได้
คือทำให้ซิ้มสงบลง
แต่กระดาษขีดความโกรธสำหรับซิ้มแล้ว เป็นเหมือนสติ
เครื่องกั้นไม่ให้ซิ้มหลงไปทำพฤติกรรมตามความคิดและอารมณ์โกรธ
ซึ่งได้ผลดีพอสมควร


ผมไม่คิดว่าซิ้มจำเป็นต้องฝึกสติ
เพื่อความพ้นทุกข์หรือเพื่อการบรรลุธรรมแต่อย่างใด
แค่ซิ้มมีสติและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เพียงเท่านี้ ผมก็คิดว่าสมความปรารถนาของผมและเพียงพอสำหรับซิ้มแล้ว


ที่มา...นิตยสารธรรมะใกล้ตัว
ฉบับที่ ๐๑๖ ประจำวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๐
ลานธรรมจักร

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์