ของดีมีอยู่กับตัว...(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)

ของดีมีอยู่กับตัว...(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)


...ของดีมีอยู่กับตัวเราทุกคน ก็พากันปฏิบัติเอา ทำเอา
เมื่อเวลาตายแล้วจึงวุ่นวายหานิมนต์พระมากุสลามาติกา
ไม่ใช่เกาถูกที่คัน ต้องรีบแก้เสียบัดนี้
คือ เร่งทำความดีแต่บัดนี้ จะได้หายห่วง
อะไร ๆ ที่เป็นสมบัติของโลก มิใช่สมบัติอันแท้จริงของเรา
ตัวจริงไม่มีใครเหลียวแล
สมบัติในโลกเราแสวงหามา หามาทุจริตก็เป็นไฟเผา
เผาตัวทำให้ฉิบหายได้จริง ๆ
ข้อนี้ขึ้นอยู่กับความฉลาดและความโง่เขลาของผู้แสวงหาแต่ละราย


ท่านผู้พ้นทุกข์ไปด้วยความอุตส่าห์สร้างความดีใส่ตน
จนกลายเป็นสรณะของพวกเรา
ท่านไม่เคยมีสมบัติเงินทองเครื่องหวงแหน
เป็นคนร่ำรวย สวยงามเฉพาะสมัย
จึงพากันรัก พากันห่วง จนไม่รู้จักเป็น รู้จักตาย
สำคัญตนว่าจะไม่ตายและพากันประมาทจนลืมตัว
เพลิดเพลินตักตวงเอาแต่สิ่งไม่เป็นท่าใส่ตนแทบหาบไม่ไหว


อย่าสำคัญว่าตนเอง เก่งกาจสามารถฉลาดรู้กว่าเขาเลย
ถึงกับสร้างความมืดมิดปิดตาทับถมตัวเอง จนไม่มีวันสร่างซา
เมื่อถึงเวลาจนตรอกอาจจนยิ่งกว่าสัตว์
ถ้าไม่เตรียมทราบไว้เสียแต่บัดนี้ ซึ่งอยู่ในฐานะอันควร
อาตมาขออภัยด้วย ถ้าพูดหยาบคายไป
แต่คำพูดที่สั่งสอนคนให้ละชั่ว ทำความดี จัดเป็นหยาบคายอยู่แล้ว
โลกเราก็จะถึงคราวหมดสิ้นศาสนา เพราะไม่มีผู้ยอมรับความจริง
การทำบาปหยาบคายมีมาประจำแทบทุกคน
ทั้งให้ผลเป็นทุกข์ ตนยังไม่อาจรู้ได้ และตำหนิมันบ้าง
พอมีทางคิดแก้ไข แต่กลับตำหนิคำสั่งสอนหยาบคาย
ก็นับเป็นโรคที่หมดหวัง


เมื่อมีผู้เตือนสติ ควรยึดมาเป็นธรรมคำสอน
จะเป็นคนมีขอบเขตมีเหตุผล ไม่ทำตามความอยาก
เมื่อพยายามฝ่าฝืนให้เป็นไปตามทางของนักปราชญ์ได้จะประสบผล
คือความสุขในปัจจุบันทันตา
แม้จะมิได้เป็นเจ้าของเงินล้าน
แต่มีทางได้รับความสุขจากสมบัติและความประพฤติดีของตน


คนฉลาดปกครองตนให้มีความสุขและปลอดภัย
ไม่จำต้องเที่ยวแสวงหาทรัพย์มากมาย
หรือเที่ยวกอบโกยเงินเป็นล้าน ๆ มาเป็นเครื่องบำรุงจึงมีความสุข
ผู้มีสมบัติพอประมาณในทางที่ชอบ
มีความสุขมากกว่าผู้ได้มาในทางมิชอบเสียอีก
เพราะนั่นไม่ใช่สมบัติของตนอย่างแท้จริง
ทั้ง ๆ ที่อยู่ในกรรมสิทธิ์
แต่กฎความจริง คือ กรรมสาปแช่งไม่เห็นด้วยและให้ผลเป็นทุกข์ไม่สิ้นสุด
นักปราชญ์ท่านจึงกลัวกันหนักหนา


แต่คนโง่อย่างพวกเราผู้ชอบสุกเอาเผากิน และชอบเห็นแก่ตัว
ไม่มีวันอิ่มพอ ไม่ประสบผล คือ ความสุขดังใจหมาย


คนหิวอยู่เป็นปกติสุขไม่ได้ จึงวิ่งหาโน่นหานี่
เจออะไรก็คว้าติดมือมาโดยไม่สำนึกว่าผิดหรือถูก
ครั้นแล้วสิ่งที่คว้ามาก็มาเผาตัวเองให้ร้อนยิ่งกว่าไฟ
คนที่หลงจึงต้องแสวงหาถ้าไม่หลงก็ไม่ต้องหา จะหาไปให้ลำบากทำไม
อะไร ๆ ก็มีอยู่กับตัวเองอย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว
จะตื่นเงาตะครุบเงาไปทำไม เพราะรู้แล้วว่า เงาไม่ใช่ตัวจริง
ตัวจริงคือ สัจจะทั้งสี่ที่มีอยู่ภายในใจอย่างสมบูรณ์แล้ว


ความมั่งมีศรีสุขจะไม่บังเกิดแก่ผู้ทุจริต
สร้างกรรมชั่วมีมากเท่าไรย่อมหมดไป
พ่อแม่ ปู่ย่า ตายายที่สร้างบาปกรรมไว้
ผลกรรมนั้นย่อมตกอยู่กับลูกหลานรุ่นหลังให้มีอันเป็นไป
ผู้ทุจริตเบียดเบียน รังแกผู้อื่น จะหาความสุขความเจริญไม่ได้เลย...

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์