ความรัก กับ สัจจธรรม

ความรัก กับ สัจจธรรม




"การสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักร  ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป ไม่มีอะไรจากเราไปตลอดกาล ถ้าคลี่เวลาออกเป็นเส้นตรงและสามารถเห็นได้จริงทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคตพร้อมกัน เราคงเห็นตัวเองได้ของรักแล้วเสียของรัก หัวเราะแล้วร้องไห้ พบแล้วพลัดพราก ย้อนเวียนกลับไปกลับมา สลับกันเป็นสายโซ่ยืดยาว"
 

ธรรมชาติจะบังคับให้เราทิ้งทุกคนไปอยู่ดี
เราเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เรารักและหวังหอบหิ้วใครไปด้วยก็ตาม พวกเราต่างก็เป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว มาสวมหัวโขนเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง คนรัก เพื่อน ศัตรู หรืออะไรอื่นเดี๋ยวเดียว แล้วก็ต้องตายจากไปเป็นอื่น แม้ในชาติเดียวกันก็อาจเป็นอะไรหลาย ๆ ฐานะ บางคนเดินชนไหล่หรือเหยียบเท้าใครอีกคนบนถนน ทะเลาะกันเลือดขึ้นหน้าเป็นพัก กว่าจะจำได้ว่าเคยเป็นเพื่อนรักสุดรักสมัยประถมมัธยมที่เคยอยากไปไหน ๆ ด้วยกันตลอดชีวิต แต่พอห่างกันมาก ๆ เจออีกทีอาจกลายเป็นศัตรูก็ได้
 
เราต่างถูกหลอกว่ามีคนรักและเครือข่ายญาติมิตร ทั้งที่จริงทุกคนไม่มีแม้แต่เงาติดตามตัวเองไปได้ตลอด
มนุษย์เราถูกหลอกให้หลงติด หลงร้องไห้คร่ำครวญกับสิ่งที่วันหนึ่งต้องทิ้งไปไม่ว่าจะได้อะไรมาแค่ไหนก็เสียไปแค่นั้น หลงทำบาปทำกรรมติดตัวไปภพหน้ากันก็เพียงเพราะยังติด ยังไม่รู้ด้วยกันทั้งสิ้น

 
ตัวผู้รัก ผู้ถูกรัก ผู้สมหวัง ผู้ผิดหวัง ปรากฏมีสาระอยู่แต่ในจิตอันปรุงแต่ง เสกปั้นสรรค์ไป จูงให้เราหลงไป เพ้อไป ปราศจากแก่นสาร (ทางนฤพาน บทที่ ๑๖ ฝันร้าย)ปกติเวลาเราฟุ้งซ่านถึงใคร เราจะรู้สึกว่าเขามารบกวนเรา เราจะมีปฏิกิริยาทางใจกับเขาเป็นชอบ เป็นชังยิ่ง ๆ ขึ้นทุกครั้งที่เขามาอยู่ในหัวของเรา ทั้งที่ตัวจริงของเขาไม่ได้มาอยู่ตรงนั้นเลย(๗ เดือนบรรลุธรรม สรุปเดือนที่ ๔)บทสรุปหนึ่งก็คือว่า รักแท้น่ะมีจริง แต่ที่จริงกว่านั้นคือกิเลส
หมายความว่าถ้ามองตามสายตาทางโลกก็ต้องว่ามี
แต่ถ้ามองตามสายตาทางธรรมก็ต้องว่ารากของรักแท้นั้นมาจากกิเลสนี่เอง
ที่รักแท้จะมีอันต้องกลับกลายเป็นรักเก๊ ก็ด้วยกิเลสอันเดียวกันอีกนั่นแหละ
โดยมีตัวแปรเช่นบุคคล เวลา และสถานการณ์มาร่วมสมการกิเลส
กิเลสมากก็ทุกข์มาก กิเลสน้อยก็ทุกข์น้อย
สมดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า
 
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
ทางนฤพาน บทที่ ๒๘ วังวนพระพุทธองค์ท่านตรัสว่าคนเรามีรักร้อยก็นับว่าทุกข์ร้อย มีรักสิบก็นับว่าทุกข์สิบ มีรักหนึ่งก็นับว่าทุกข์หนึ่ง หากไม่มีรักเลย ก็แปลว่าไม่ต้องมีทุกข์เพราะรักเลยเช่นกันสรุปคือ ความรักเป็นแค่รูปแบบหนึ่งของความทุกข์เท่านั้น ต่อให้รักกันยืดยาวจนแก่เฒ่า วันหนึ่งก็ต้องทุกข์ใหญ่หลวงเพราะความพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักอยู่ดี(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๓๓ คู่มือนักฆ่าตัวตาย)

 
การเกิดใหม่ช่างเป็นอะไรที่ไม่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรประกันความแน่ใจ และไม่มีใครจำใครได้ เหมือนเล่นซ่อนหาชนิดปิดทางพบเจอ ทำให้ณชะเลมองความสัมพันธ์ทั้งหลายเป็นเรื่องหลอกลวง ถึงแม้พยายามเป็นที่พึ่งให้กันก็เป็นไปได้แค่เดี๋ยวเดียว แล้วต่างต้องแยกย้ายไปเสวยกรรมตามวิบากแห่งตน ไม่อาจนัดหมายว่าจะไปเจอกันที่ไหน เมื่อไหร่ ในสภาพเช่นใดเลย(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๔๑ คนอยู่ข้างหลัง)อยู่ในสังสารวัฏ ท่องเที่ยวเกิดตายไปเรื่อย ๆ นั้น
แม้สิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่สังสารสัตว์หวังฝากไว้ให้อบอุ่นใจ
คือความรัก ความมั่นคงของเนื้อคู่ที่จะติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ


เอาเข้าจริงก็แค่ความไม่แน่นอนอีกชนิดหนึ่ง

ความแปรปรวนเป็นอื่นได้อีกชนิดหนึ่ง
ภพชาติ ความสัมพันธ์ และสายใยต่างๆนั้นซับซ้อน


มีความไม่แน่นอนเป็นความหวังได้ด้วยเหตุปัจจัยอันลึกลับเกินหยั่ง
ทำใจไว้แต่แรกว่าเราทุกคนเป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว จะได้สบายใจในระยะยาว
ความรักชั้นสูงคือความรักพระนิพพานครับ
เมื่อรักพระนิพพานอันเป็นธรรมชาติสูงสุดเหนือสมมุติได้
บุคคลย่อมไม่หลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ต่ำกว่านั้นแบบยอมตายถวายชีวิตอีก


ขอบคุณธรรมจักร

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์