ทุกข์เพราะคิด

ทุกข์เพราะคิด


ใจของปุถุชน คือผู้ยังไม่บรรลุมรรคผลนิพพาน ทุกคนย่อมมีกิเลส
ความเศร้าหมองมากบ้างน้อยบ้าง กิเลสคือความโลภ โกรธ หลง
เป็นเหตุทำความเศร้าหมองให้เกิดแก่ใจ ที่ว่าให้ดูที่ใจตนเองและ
แก้ความทุกข์ที่ใจตนเอง ก็คือให้แก้กิเลสที่ใจตนเองนั่นแหละ ถ้า
กิเลสคือโลภ โกรธ หลงมีอยู่ในความคิดมาก ก็จะเป็นเหตุให้ทุกข์
มาก ถ้ากิเลสคือโลภ โกรธ หลงมีอยู่ในความคิดน้อย ก็จะเป็นเหตุ
ให้เป็นทุกข์น้อย ท่านผู้ปราศจากกิเลสแล้ว ท่านจึงมีความคิดที่ไม่
เป็นเหตุให้เป็นทุกข์เลย...

นี่แสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่ไม่ให้คิด ทุกคนยังต้องคิด พระพุทธองค์ก็
ยังทรงคิด พระอรหันต์สาวกทั้งหลายท่านก็ยังคิด แต่ความคิดท่าน
มิได้เป็นเหตุแห่งความทุกข์ ทั้งนี้ก็เพราะความคิดของท่านปราศจาก
กิเลสเจือปน...

ขออย่าได้ลืมว่า ก่อนจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์เจ้า
กิเลสก็มีอยู่ในพระหฤทัยและในใจของทุกพระองค์ทุกท่านเช่น้เดียว
กับปุถุชนทั้งหลาย คือเราทั้งหลายนั่นเอง แต่เพราะพระพุทธองค์ทรง
ใช้พระปัญญาอุตสาหะพากเพียรขัดกิเลสในพระหฤทัยและพระอรหันต์
สาวกท่านก็ใช้ปัญญาอุตสาหะพากเพียรขัดเกลากิเลสในใจให้ลดน้อย
ลงจนกระทั่งถึงหมดสิ้นไปอย่างสิ้นเชิง จึงทรงเป็นและเป็นผู้พ้นทุกข์
อย่างสิ้นเชิง...

ไม่มีประเดี๋ยวสุขประเดี๋ยวทุกข์เช่นพวกเรา ซึ่งยังเป็นปุถุชนทั้งหลาย
ตัวอย่างของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวก เป็นเครื่องชี้ชัดว่าปุถุชน
เป็นอรหันต์ได้ เพราะพระอรหันต์ก็เกิดจากปุถุชนนั่นเอง นี่มิได้หมาย
ความว่าให้มุ่งมั่นจะเป็นอรหันต์กัน แต่หมายความว่า ผู้มีความทุกข์
ทั้งหลาย ทุกคนจะสามารถจะทำความทุกข์ของตนให้ลดน้อยจนถึง
หมดสิ้นไปได้ ไม่ใช่ไม่ได้ ขอเพียงแต่ให้พยายามใช้ปัญญา ใช้เหตุผล
ที่ถูกที่ควร มีมานะพากเพียรขัดเกลาจิตใจของตน ให้ความคิดที่ไม่
ชอบ ที่เป็นเหตุแห่งความทุกข์หมดสิ้นไป...

เมื่อใดความคิดไม่ชอบหมดสิ้นไปจากใจ ความทุกข์ความเศร้าหมอง
หมดสิ้นไปมากน้อยเพียงใด ความคิดชอบก็จะเกิดขึ้นแทนที่ ความสุข
ความผ่องใสก็จะเกิดขึ้น เป็นใจที่มีความสุขความแจ่มใสมากน้อยเพียง
นั้น ถ้ายังทำความคิดผิด ความคิดที่ไม่ชอบให้ลดน้อยถึงหมดสิ้นไปไม่
ได้ ความคิดถูกความคิดชอบก็จะมีอยู่ไม่ได้ ต้องไล่ความคิดที่ไม่ชอบ
ออกจากใจเสียก่อน เพื่อทำความคิดชอบให้เกิดขึ้นได้ เหมือนต้องการ
จะต้มน้ำให้เดือด ก็จำเป็นต้องใช้ความร้อนขับไล่ความเย็นไปให้หมด
จากน้ำก่อน ต่อจากนั้นจึงจะสามารถทำความร้อนให้เกิดขึ้นในน้ำนั้นได้
น้ำจึงจะเดือดได้...

ฉะนั้น จึงควรระวังความคิดของตนเองให้ดีที่สุด อย่าได้ว่างเว้น จะนั่ง
นอนยืนเดินระวังไว้ ร้อนมากร้อนน้อยเพราะความคิดให้รู้ ให้ระงับยับยั้ง
ในทันที อย่าได้ลังเลสงสัยว่าความทุกข์ร้อนที่เกิดขึ้นในใจตนนั้นมีทางจะ
เกิดเพราะผู้อื่นเพราะเหตุอื่น ทางเช่นนั้นไม่มีเลย ไม่มีอย่างเด็ดขาด จะ
มีก็เพราะหลงคิดกันไปเองอย่างไม่ใช้ปัญญาเท่านั้น...

มีวิธีง่ายๆอยู่อีกวิธีหนึ่ง ที่จะพิสูจน์ยืนยันว่า เราเป็นทุกข์เพราะความคิด
จริงหรือไม่...? ก็คือ ให้นึกดูว่าเมื่อนอนหลับ แม้จะหลับไปหลังจากได้
รับฟังเสียงที่ไม่ถูกหู ไม่ถูกใจมาแล้วอย่างมากก็ตาม ความทุกข์ก็คือ...
ความโกรธไม่ชอบใจ มีอยู่หรือไม่ ก็จะต้องยอมรับว่าไม่มี ที่ไม่มีก็เพราะ
ขณะหลับเราไม่ได้คิด เมื่อไม่คิดด้วยกิเลสก็ไม่ทุกข์ ความจริงเป็นเช่นนั้น..ฯ

~พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์