ท่านสอนไว้อย่างไร....??

ท่่านสอนไว้อย่างไร....??

'ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเอาไว้นั้นว่า ให้เราเจริญสติปัฏฐานสี่'
เรียกว่า : กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ...ให้มีสติดูกายในกาย
เวทนา - นุปัสสนาสติปัฏฐาน - ให้มีสติดูเวทนาในเวทนา : จิตตานุ-
ปัสสนาสติปัฏฐาน - ให้มีสติดูจิตในจิต : ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
- ให้มีสติดูธรรมในธรรมฯลฯ...หลายครูหลายอาจารย์พูดเรื่องนี้...
อันนี้เป็นวิธีพูดเฉยๆ แต่เราก็ยังไม่เข้าใจ...

พระองค์ยังสอนเป็นการปลีกย่อยออกมาว่า...'ให้มีสติกำหนด
รู้ ในอิริยาบททั้งสี่'... เดิน - ก็ให้มีสติกำหนดรู้ : ยืน - ก็ให้มีสติกำหนด
รู้ : นั่ง - ก็มีสติกำหนดรู้ : นอน - ก็มีสติกำหนดรู้........นี่ ท่านสอนไว้
อย่างนั้น...

เท่านั้นยังไม่พอ ท่านยังสอนเข้าไปอีกย้ำเข้าไปอีกว่า...'ให้มีสติ
เข้าไปกำหนดรู้ในอิริยาบทย่อย : คู้ - เหยียด - เคลื่อน - ไหว โดยวิธี
ใดก็ให้รู้ 'ท่านสอนอย่างนั้น'...

แต่เราไม่ได้ทำกับพระองค์ จึงไม่ได้รู้เหมือนกันกับพระองคึ เราก็
ไปให้ทานบ้าง ไปรักษาศีลบ้าง ไปทำกรรมฐานบ้าง ทำวิปัสสนา พูดเอา
เองบ้าง พระพุทธเจ้าท่านสอนเอาไว้นั้น ดีแล้ว ท่านตรัสอย่างนี้ว่า...

'สัตว์ทั้งหลายคล้ายเราตถาคต สัตว์ทั้งหลายเหมือนเราตถาคต
สัตว์ทั้งหลายเป็นตถาคต ฯ'...

นี่สามประโยคนี้ หมายถึงอะไรจะได้พูดพอให้เราได้เข้าใจ : คำว่า
'สัตว์ทั้งหลายคล้ายเราตถาคต'.....นั้นก็คือ คล้ายคลึงกัน พระพุทธเจ้า
เป็นคนอินเดีย คนอินเดียคนไทยก็มีแข้งมีขามีมือมีเท้าคล้ายคลึงกัน...
ความเป็นหญิงเป็นชายก็คล้ายกัน....

'สัตว์ทั้งหลายเหมือนเราตถาคต'.....ก็คือ เหมือนกัน : จะเป็นคนจีน คน
ฝรั่งเศล คนอังกฤษ คนอเมริกัน คนเขมร คนญวณ คนลาว ขึ้นชื่อว่าเป็น
คนนี้ ทุกชาติทุกภาษาทุกลัทธิทุกนิกาย ทุกเพศทุกวัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แก่
เฒ่าหรือหนุ่มสาว ชายหญิงก็ตาม มีโกรธ - มีโลภ - มีหลง เหมือนกัน
มีหัวเราะ - มีร้องไห้ พอใจ - ไม่พอใจ...พระพุทธองค์เมื่อสมัยยังไม่ได้ตรัสรู้
นั้นก็มีเหมือนกัน ไม่ต่างกันเลย...

'สัตว์ทั้งหลายเป็นตถาคต'....อันนี้ก็หมายถึง สัตว์มนุษย์นี่เอง ไม่ใช่สัตว์เดร-
ฉานจึงจะเป็นพระตถาคตเป็นพระพุทธเจ้าได้ คือ... เป็นได้เหมือนกันกับที่พระ-
องค์นั้น เพราะเมื่อพระองค์มองเห็นสภาพทุกข์ทุกอย่าง : ไม่แต่เฉพาะโกรธ-
โลภ - หลงเท่านั้น ว่ามันเป็นอย่างนั้นๆ มันเป็นทุกข์ เป็นของมันอย่างนั้น...
ท่านก็เป็นตถาคตขึ้นมา...

ถ้ามองดูตัวเราที่นี่ ความไม่โกรธนั้นก็มีเหมือนกัน ไม่ใช่มันจะโกรธอยู่
ตลอดเวลา อย่างที่เรานั่งอยู่มนขณะนี้นี่แหละ : คนไทยก็ไม่โกรธเป็น คนจีน คน
ฝรั่งเศล ฯลฯ ก็ไม่โกรธก็มีเป็นครั้งคราว - เป็นอย่างนั้น พระองค์ยังได้ตรัสต่อ
ไปอีกว่า......

'สัตว์ทั้งหลาย! เราผู้เป็นตถาคตไปถึงแล้วแห่งนั้น - ที่ไม่มีทุกข์...แล้วจึง
นำมาสอนพวกเธอทั้งหลาย ให้พวกเธอทั้งหลายจงประพฤติ ปฏิบัติตามอย่าง
เราตถาคตนี้ ก็จะรู้ - จะเห็น - จะเป็น - จะมีอย่างเรา...ตถาคตนี้'

'ท่านสอนไว้อย่างนี้'......
แต่ทีนี้พวกเราไม่ทำ จึงไม่รู้ - ไม่เห็น - ไม่เป็น - ไม่มี ไม่เหมือนกับพระองค์
เรามีแต่พูดเอาเท่านั้นเอง การกระทำไม่มี มันก็ไม่ได้ผล...

อย่างเช่น..ในขณะโกรธขึ้นมานั้นน่ะ บางคนก็ไม่รู้ว่าตนโกรธ ทั้งที่โกรธขึ้น
มาแล้วในขณะที่ตนกำลังพูดกำลังจา กำลังทำอะไรอยู่อย่างไรก็ไม่รู้เลย โกรธจนแทบ
ตายก็ไม่รู้ เพราะหลงตนลืมตัวนั่นเอง 'ไม่รู้สึกตัว'นั่นเอง คือ...ไม่ได้ปฏิบัติ ไม่ได้ทำ
ความรู้สึกตัวรู้สึกใจ...อย่างที่ท่านสอนเอาไว้นั้น...

: หลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ
~~คนจริงรู้ของจริง~~ {ชื่อหนังสือค่ะ}
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์