บัญชีชีวิต

บัญชีชีวิต


คนเราเกิดมามีบัญชีติดตัวมาด้วย

อาจเรียกได้ว่า บัญชีชีวิต มีอยู่ ๒ ประเภท คือ
บัญชีทางโลกและบัญชีทางธรรม

บัญชี ทางโลกได้แก่ ทรัพย์สมบัติ อาหารการกิน สิ่งของและเครื่องใช้ต่างๆ ที่มีผู้ให้เราและที่เราหามาด้วยตนเองเพื่อใช้ยังชีพและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ไม่เพียงแต่ทรัพย์ดังกล่าวเท่านั้น แม้ร่างกายของเราก็จัดอยู่ในบัญชีทางโลกด้วย

เมื่อพูดถึงบัญชี ทำให้นึกถึงกำไร-ขาดทุนและรายรับ-รายจ่ายอันเป็นสาระสำคัญของการทำบัญชี ในบัญชีทางโลกนั้น ทุกคนต่างก็มีกำไรด้วยกันทั้งสิ้น เพราะเกิดมาตัวเปล่า ไม่ได้มีทรัพย์สิ่งของใดๆ ติดตัวมาด้วย นอกจากอวัยวะที่เป็นโครงสร้างของร่างกายเท่านั้น วันแรกที่เกิดมาก็ได้น้ำดื่ม ได้นมจากอกมารดา ได้สิ่งของที่แม่พ่อหรือผู้เกี่ยวข้องมอบให้ เช่น เสื้อผ้า รวมถึงของใช้สำหรับเด็กทารกจากนั้นก็ได้ทรัพย์สิ่งของอื่นๆ เรื่อยมาตามลำดับ ครั้นเติบโตประกอบอาชีพได้ ก็หาเงินมาซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคเลี้ยงชีวิตตามความต้องการ

รายรับ รายจ่ายเป็นของคู่กัน บางคนมีรายได้มาก บางคนมีรายได้น้อย หากมีรายได้มากและใช้จ่ายน้อยกว่ารายได้ก็จะมีเงินเก็บ บางคนมีทรัพย์สินมากมายช่วยให้มีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบาย มีหน้ามีตาในสังคม ด้วยเหตุนี้การมีทรัพย์จึงเป็นแรงจูงใจให้คนขวนขวายหาเงินกันอย่างไม่รู้จัก พอเพียง บางครั้งทรัพย์ที่หามาได้อาจจะนำความทุกข์และความเดือดร้อนมาให้ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แต่คนบางคนกลับไม่สนใจต่อผลดังกล่าว

บางคน ใช้จ่ายมากกว่ารายได้จึงต้องกู้หนี้ยืมสิน บ้างก็มีหนี้สินมากมายชนิดที่เป็นหนี้ไปตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าบุคคลจะเป็นหนี้ในบัญชีทางโลกมากเท่าใด เมื่อตายไปหนี้ดังกล่าวก็ยุติลง ไม่มีเจ้าหนี้รายใดตามไปทวงหนี้คนที่ตายไปแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะตามไปทวงที่ไหน การเป็นหนี้ในบัญชีทางโลกจึงเป็นหนี้ระยะสั้น เช่นเดียวกับการเป็นเศรษฐีหรืออภิมหาเศรษฐีในบัญชีทางโลกก็เป็นกันในระยะ สั้น เพราะเมื่อตายไปแล้วไม่ว่าจะเป็นเศรษฐี ยาจกเข็ญใจ แม้คนที่ล้มละลายก็มีสภาพไม่ต่างกัน คือเอาอะไรไปไม่ได้เลย ทั้งทรัพย์สินและหนี้สิน

ในบัญชีทางโลกนั้น ทุกคนที่เกิดมาใช้ชีวิตอยู่ในโลก ต่างก็ได้กำไรด้วยกันทั้งสิ้น เพราะมากันตัวเปล่า ได้มาใช้มาอาศัยสมบัติวัตถุของโลกเพื่อการเลี้ยงดูชีวิต อาศัยอาหารซึ่งผลิตจากน้ำ อากาศ แสงแดด เพื่อการดำรงชีวิต อาศัยอาหารซึ่งผลิตจากน้ำ อากาศ แสงแดด พื้นดินของโลก ไม่ว่าจะเป็นพืชผลหรือปศุสัตว์เพื่อการยังชีพ อาศัยทรัพยากรธรรมชาติของโลกมาแปรสภาพเป็นผลิตภัณฑ์นานาชนิด เพื่ออำนวยความสะดวกต่อความเป็นอยู่ ตลอดจนการประกอบกิจกรรมต่างๆ ในชีวิต ครั้นตายไปก็ต้องคืนสิ่งที่ครอบครองอยู่ รวมทั้งร่างกายของตนไว้กับโลก การได้มาซึ่งสมบัติวัตถุและการมีชีวิตอยู่ล้วนเป็นของชั่วคราว บัญชีทางโลกจึงเป็นบัญชีระยะสั้น

บัญชีทางธรรม ได้แก่ บัญชีดี-ชั่ว หรือบุญ-บาป ที่แต่ละคนสร้างกันขึ้นมา เมื่อทุกคนเกิดมา บัญชีนี้ก็ติดตามมากับจิตด้วย บางคนมีต้นทุนที่เป็นบุญกุศลติดมามากกว่าบาปอกุศล คนประเภทนี้เกิดมาก็มีแต้มต่อของชีวิต แต่บางคนเกิดมามีต้นทุนของบุญกุศลต่ำมีบาปอกุศลต่ำ คนประเภทนี้ต้องพบกับความยากแค้นลำเค็ญในชีวิต

แม้ว่าต้นบัญชีทาง ธรรมของแต่ละคนที่ติดตัวมาแต่เกิดจะสูง-ต่ำแตกต่างกัน ทุกคนก็สามารถเปลี่ยนแปลงบัญชีดังกล่าว บางคนเกิดมามีต้นทุนสูง หากใช้โอกาสนั้นพัฒนาตนเองก็จะไปได้สูงยิ่งขึ้น (มาสว่างไปสว่าง) หากไม่พัฒนาตนเอง แต่กลับสร้างวิกฤติให้ชีวิต ก็จะตกต่ำลง (มาสว่างไปมืด) บางคนเกิดมาต้นทุนต่ำ ชีวิตมากด้วยปัญหา หากไม่รู้จักพัฒนาตนเอง กลับสร้างวิกฤติให้ชีวิตยิ่งขึ้น ก็จะยิ่งตกต่ำลงไปอีก (มามืดไปมืด) ตรงข้าม บางคนจะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ก็จะสามารถพัฒนาตนเองให้สูงขึ้นได้ (มามืดไปสว่าง)

พื้นฐานจิตของแต่ละคนล้วนมาจากบัญชีทางธรรม ที่ตนเป็นผู้สร้างไว้ทั้งสิ้น

กำไร-ขาดทุนในบัญชีทางธรรมหมายถึงอะไร

กำไรก็คือบุญ ขาดทุนก็คือบาป

รายรับ-รายจ่ายในบัญชีทางธรรมมาจากไหน

ราย รับมาจากประสาทสัมผัส อันมีตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ในแต่ละวัน เรามีรายรับหรือมีสิ่งต่างๆที่เข้ามากระทบทางประสาทสัมผัสมากมาย บางเรื่องก็น่ายินดี นำความสุขมาให้ บางเรื่องก็ไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานที่ใดก็ตาม เราก็ต้องรับรู้สิ่งต่างๆที่มากระทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจทั้งสิ้น

ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า เมื่อมีรายรับเข้ามาทางประสาทสัมผัสแล้วจะจ่ายไปอย่างไรจึงจะไม่ขาดทุน

รายจ่ายในบัญชีทางธรรมหมายถึงอะไร

หมาย ถึงพฤติกรรมที่แสดงออกทางกาย วาจา ใจ หากการแสดงออกเป็นความดีหรือเป็นกุศล ได้แก่ การกระทำที่อยู่ในครรลองคลองธรรม ยังประโยชน์เกื้อกูลทั้งต่อตนเองและผู้อื่น นั่นหมายถึงว่าเราได้สร้างบุญหรือทำกำไรให้เกิดขึ้นแล้ว แต่หากการกระทำใดที่ผิดครรลองคลองธรรม เป็นการเบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น เท่ากับว่าเราได้สร้างบาปหรือทำให้ขาดทุนในบัญชีธรรมเช่นกัน

เมื่อ เป็นเช่นนี้การควบคุมรายจ่ายในบัญชีทางธรรมจึงมีความสำคัญมาก เพราะเราไม่สามารถนำกำไร-ขาดทุนในบัญชีทางธรรมมาหักล้างกัน บุญก็อยู่ส่วนบุญ บาปก็อยู่ส่วนบาป จะส่งผลให้เรามีความทุกข์ มีปัญหาอุปสรรคต่างๆ และนำพาชีวิตให้ต่ำลง หลักการนี้ต่างกับบัญชีทางโลก ซึ่งเอากำไร-ขาดทุนมาหักลบกันได้

บัญชีทางธรรมเป็นบัญชีระยะยาวของ ชีวิต เพราะเป็นบัญชีที่ติดอยู่ในจิต แม้เราจะตายไป หากยังไม่หมดกิเลสก็ต้องไปเกิดอีก บุญ-บาปก็จะติดตามไปยังชาติหน้า ต่างกับบัญชีทางโลก ซึ่งเป็นบัญชีระยะสั้น จบกันเพียงชาตินี้เท่านั้น

เมื่อ ความจริงเป็นเช่นนี้ เราจึงควรให้ความสนใจกับบัญชีทางธรรมให้มาก แทนที่จะทุ่มเทความรู้ ความสามารถ ศักยภาพ และเวลาในชีวิตให้บัญชีทางโลก จะมีประโยชน์อันใดหากชาตินี้ได้รับความสำเร็จในทางโลกสูง เป็นต้นว่าเป็นเศรษฐี มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง แต่ไม่มีความสุขในชีวิต ครั้นตายไปกลับไปเกิดในอบายภูมิ (นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน) เพราะไม่ใส่ใจที่จะพัฒนาบัญชีทางธรรม การเกิดมาในชาตินี้จึงเป็นการทำลายชีวิตในภพหน้าให้ย่อยยับอัปรา

ผู้ มีปัญญาย่อมรู้วิธีที่จะบริหารบัญชีทั้งสองประเภทนี้ให้มีกำไร โดยที่บัญชีทางโลก ก็ให้มีความสำเร็จ มีชีวิตอยู่อย่างไม่ลำบากขัดสน ใช้ทรัพย์สินเงินทองที่หามาได้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มี สันติสุข ขณะเดียวกันก็พัฒนาคุณธรรมของตนให้สูงขึ้นไป

บัญชีทางธรรมก็จะนำพาชีวิตไปสู่จุดหมายสูงสุดคือความพ้นทุกข์ได้โดยสิ้นเชิง


ที่มา บทความจากนิตยสารซีเคร็ต
http://www.dhammajak.net/

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์