ภาษานรก...ภาษาสวรรค์

ภาษานรก...ภาษาสวรรค์


ภาษานรก...ภาษาสวรรค์


นรก-สวรรค์ ในภาษาชาวบ้าน

นรก ก็คือ นักโทษที่ถูกจองจำ คนยากคนจน
ยาจกขอทาน ผู้ใช้แรงงานอาบเหงื่อตากน้ำ


ส่วนสวรรค์ ก็คือ คฤหาสน์ใหญ่โต
เทวดา หมายถึง ผู้ไม่มีเหงื่อ แสงสีเสียงที่หรูหรา
ความสุขสบายและความทุกข์ยาก
จึงเป็นสวรรค์นรกในความรู้สึกของชาวบ้าน

นรก-สวรรค์ ในภาษาศีลธรรม

เราจะได้ประสบก็ต่อเมื่อตายไปแล้ว
คือ สวรรค์บนฟ้า นรกบนดิน
เทพบุตรตนหนึ่ง จะมีนางฟ้าเป็นบริวารถึง ๕๐๐
สวรรค์อย่างนี้ ผู้หญิงจะเสียเปรียบผู้ชายมากยิ่งกว่าโลกมนุษย์เสียอีก
ถ้าเป็นอย่างนี้คนทำบุญคงปรารถนาจะอยู่บนโลกมนุษย์ต่อไป
ไม่ปรารถนาจะขึ้นสวรรค์
เพียงหารสองกับอนุภรรยายังทุกข์ใจขนาดนี้
หากต้องหารความสุขถึง ๕๐๐ จะทุกข์ขนาดไหน ?
นรกใต้ดิน คนตายไปแล้วต้องไปถูกทรมาน
ใครฆ่าไก่ก็ต้องไปเกิดเป็นไก่ ๕๐๐ ชาติ
ใครฆ่าหมูก็ต้องไปเกิดเป็นหมู ๕๐๐ ชาติ
แล้วถ้าฆ่าอย่างอื่นล่ะ...
จะไปเกิดเป็นอะไร ?

เราได้รับการปลูกฝังว่า
ทำบุญอย่างไหน
ตายไปแล้วก็ได้อย่างนั้น
เมื่อตายไปแล้วอยากมีรถ
คงต้องเอารถไปถวายพระ
หากเป็นอย่างนี้..
สังคมจะเป็นอย่างไร ?

นรก-สวรรค์ ในภาษาปรมัตถธรรม

ได้แก่ นรก สวรรค์ ที่เกิดขึ้นในชั่วขณะจิต
เมื่อตายอายตนะภายใน ภายนอกกระทบกัน
ยินดีก็เป็นสวรรค์ ยินร้ายก็เป็นนรก
นรก-สวรรค์
เมื่อได้รับในสิ่งที่ยินดี ใจก็ฟู
เมื่อได้รับในสิ่งที่ยินร้าย ใจก็แฟบ
สภาวะจิตใจก็จะฟู ๆ แฟบ ๆ วันละหลายครั้ง
ยินดีจึงเหมือนถูกตบซ้าย ยินร้ายจึงเหมือนถูกตบขวา
ดีใจจิตก็จะกระเพื่อมขึ้น ทำให้รู้สึกเหน็ดเหนื่อย จัดว่าเป็นสวรรค์
เพราะจิตใจยังเหนื่อยอยู่ ยังเป็นความทุกข์อยู่
เสียใจ จิตก็จะเร่าร้อน จัดว่าเป็นนรก
เพราะว่าเป็นความทุกข์ที่ปรากฏชัด
ไม่ยินดีเมื่อได้ ไม่ยินร้ายเมื่อเสีย
วางจิตเป็นกลาง ไม่ดีใจจนเหนื่อย
ไม่เสียใจจนหน่าย
นั่นแหละ คือ นิพพาน

เมื่อจิตเศร้าหมอง ทุคติเป็นที่หวังได้
เมื่อจิตไม่เศร้าหมอง สุขคติเป็นอันหวังได้


ตามนัยภาษาศีลธรรม หมายถึง
ก่อนจะตาย จิตเศร้าหมองหรือผ่องใสในภพนี้
ย่อมไปสู่นรกสวรรค์ในภพหน้า

ตามนัยภาษาปรมัตถธรรม
จิตเศร้าหมองหรือผ่องใสในวินาทีนี้
ย่อมเป็นนรกสวรรค์ในวินาทีหน้า
นี่คือ ความโดดเด่นในพระพุทธศาสนา
คือ ความจำแนกภูมิธรรม
เพื่อความเหมาะสมกับภูมิปัญญาและภูมิหลังของคน

ในที่นี้จะกล่าวถึงนรกสวรรค์ในช่วงขณะจิต
เพราะเป็นของที่สัมผัสได้
และรู้สึกได้ด้วยตนเอง


ที่มา : นรก - สวรรค์....ท่านพุทธทาส..



ขอบคุณบทความจาก ธรรมะไทย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์