มารเป็นครูที่ดีที่สุดของเรา

มารเป็นครูที่ดีที่สุดของเรา

มารเป็นครูที่ดีที่สุดของเรา


ถาม : อยากถามเรื่องเกี่ยวกับมาร มีตัวตนจริงๆ หรือคะ ?

ตอบ : มีจริงๆ จ้ะ เพียงแต่ว่าเราจะรู้จักเขาไหม เราจะเห็นเขาได้ไหม คนรอบข้างของเรา เขาสามารถอาศัยเป็นเครื่องมือได้หมด ตอนแรกๆ อาตมายังเข้าใจว่า มารนี่เป็นกำลังที่ไม่ดีของเรา แต่ไม่ใช่ มันมีตัวตน จริงๆ มันพยายามจะชักนำให้เราคิดผิด ทำผิด พูดผิด อยู่เสมอ ขณะเดียวกัน คนรอบข้างเรานี่ เขาสามารถที่จะดลใจให้คนๆ นั้น ไม่ว่าจะคิดจะพูดอะไรก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เราเกิดโทสะ ให้เราเกิดราคะ ให้เราเกิดโลภะได้อยู่ตลอดเวลา

เพราะฉะนั้นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปเขาทำหน้าที่ของเขา เราก็ทำหน้าที่ของเรา เรามีหน้าที่หนี เราก็หนีของเราไป เขามีหน้าที่ขวาง เขาก็ขวางของเขาไป ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัว ไม่มีใครเป็นศัตรูของใคร

ฟังให้ดีๆ นะ ตรงจุดนี้ เมื่อถึงวาระ เมื่อถึงเวลา โอกาสเปิดให้เขาขวางเราก็เป็นเรื่องของเขา จริงๆ แล้วเขาเป็นครูที่ดีที่สุด ถ้าหากว่าเราสามารถก้าวข้ามที่เขาทดสอบเราได้ ตรงจุดนั้นเราจะไม่แพ้เขาอีก ถ้าหากว่าเราก้าวข้ามไม่ได้ เราไปติดไปสะดุดหรือไปหยุดอยู่ เขาถึงได้เรียกว่า มารเป็นผู้ขวาง หรือผู้ฆ่า เพียงแต่ว่าเขาเป็นครูที่ขยันไปหน่อย ข้อสอบมันมาทุกวินาทีเลย เผลอเมื่อไรก็โดน

ถาม : แล้วอยากถามว่า มารนี่อยู่ภพภูมิไหน ?

ตอบ : มารนี่อยู่ภพภูมิที่สูงกว่าเทวดาอีก พระพุทธเจ้าท่านจะจัดเอาไว้ว่า เทเวนะวา มาเรนะวา พรัหมมุนาวา เพราะฉะนั้น เทวดาก็ดี มารก็ดี พรหมก็ดี ท่านจะเอ่ยชื่อมารในลักษณะสูงกว่าเทวดาอยู่ตลอด เพราะว่ามารจะอยู่ในสวรรค์ชั้นที่ ๖ เรียกว่า ปรนิมมิตวสวัสตี จะแบ่งเป็นสองเขต เขตหนึ่งเป็นเขตของเทวดา อีกเขตหนึ่งเป็นเขตของมารเขา

ถาม : มีหน้าที่คอยขวาง ?

ตอบ : นั่นเป็นงานเขา เหมือนยังกับงานของนักการเมือง แต่ไม่ใช่งานที่สร้างความเจริญ เป็นงานที่สร้างความล่มจม

ถาม : แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่า อันไหนคือมาร ?

ตอบ : สร้างสติ สมาธิ ให้มากๆ ถ้าสติ สมาธิ ทรงตัว ปฏิบัติอยู่ในกรอบของศีล ตราบใดที่ยังไม่หลุดจากกรอบของศีล ตราบนั้นเขาจะชักจูงเราได้ยาก ศีล ๕ ก็พอ ถ้าหากว่าเรามีศีล ๕ อยู่ ถึงเวลาเขาทำให้เราบันดาลโทสะ เรารู้ว่าเราเป็นผู้มีศีล เราก็ไม่ทำร้ายใคร ไม่ฆ่าใคร ถ้าหากว่าเขาทำให้เราเกิดความโลภ เราอยากได้ของสิ่งนั้นสิ่งนี้ เราก็หามาถูกต้องตามทำนองคลองธรรมโดยไม่ผิดศีล ถึงเวลาเขาตั้งใจให้เราไปแย่งคนรักคนอื่นเขา เราก็มีสติสัมปชัญญะอยู่ รู้อยู่ว่าสิ่งนั้นผิด ไม่ถูกต้อง เราก็ไม่ทำ

ถ้าเรามีศีลเป็นเกราะ มารจะชักนำเราได้น้อยมาก อย่างดีเขา ก็ให้เราคิดได้ บังคับให้เราพูดได้ แต่บังคับให้เราทำไม่ได้ แล้วถ้าหากว่าคำพูดที่เป็นตัวมุสาวาท คือ โกหก เรารู้ว่าเราเป็นผู้มีศีลอยู่ เราจะไม่พูดโกหก เขาก็จะบังคับเราไม่ได้ด้วย ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง

พอไปถึงจุดหนึ่ง เราจะเห็นคุณค่าของเขาเองว่า เขามีคุณูปการอย่างมหาศาลเอง คุณูปการนั้น คือว่าถ้าไม่มีการทดสอบจากเขา กำลังใจของเราก็จะไม่มั่นคงเร็ว จะไม่แข็งแกร่งเร็ว ดังนั้น ถึงได้บอกว่า มารไม่ใช่ศัตรู แต่เขาเป็นครูที่ดีที่สุดของเรา

เพียงแต่ว่าเราจะสามารถ ทำข้อสอบของครูคนนี้ไหวไหม พอก้าวข้ามตรงจุดนี้ไป ก็เหมือนกับว่าโลกมันตีลังกากลับ ก็คือว่าสิ่งที่เราไม่เคยเห็นความดี ก็จะเห็นความดีของเขา ทุกอย่างรอบข้างของเราเป็นครูเราหมด คนทำให้เราโกรธก็เป็นครูที่ดีของเรา เพราะทำให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้วอารมณ์ใจของเรา มันยังห่วยแตกใช้ไม่ได้ คนที่ทำให้เราเกิดโลภ ก็ทำให้เรารู้ว่าเรายังใช้ไม่ได้ ยังต้องระมัดระวังมากกว่านี้


สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนตุลาคม ๒๕๔๕
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ


ขอบคุณบทความจาก วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์