มิตรแท้

มิตรแท้

มิตรแท้


[๑๙๑] บัณฑิตรู้แจ้งมิตร ๔ จำพวกเหล่านี้ คือ

มิตรปอกลอก ๑
มิตรดีแต่พูด ๑
มิตรหัวประจบ ๑
มิตรชักชวนในทางฉิบหาย ๑


ว่าไม่ใช่มิตรแท้ ดังนี้แล้ว
พึงเว้นเสียให้ห่างไกล เหมือนคนเดินทางเว้นทางที่มีภัย ฉะนั้น ฯ

[๑๙๒] ดูกรคฤหบดีบุตร มิตร ๔ จำพวกเหล่านี้ คือ

มิตรมีอุปการะ ๑
มิตรร่วมสุข
ร่วมทุกข์ ๑
มิตรแนะประโยชน์ ๑
มิตรมีความรักใคร่ ๑


ท่านพึงทราบว่าเป็นมิตรมีใจดี[เป็นมิตรแท้] ฯ

[๑๙๓] ดูกรคฤหบดีบุตร มิตรมีอุปการะ ท่านพึงทราบว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ คือ

รักษาเพื่อนผู้ประมาทแล้ว ๑
รักษาทรัพย์สมบัติของเพื่อนผู้ประมาทแล้ว ๑
เมื่อมีภัยเป็นที่พึ่งพำนักได้ ๑
เมื่อกิจที่จำต้องทำเกิดขึ้นเพิ่มทรัพย์ให้สองเท่า
[เมื่อมีธุระช่วยออกทรัพย์ให้เกินกว่าที่ออกปาก] ๑


ดูกรคฤหบดีบุตร มิตรมีอุปการะ ท่านพึงทราบว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล ฯ

[๑๙๔] ดูกรคฤหบดีบุตร มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ ท่านพึงทราบว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ คือ

บอกความลับ [ของตน] แก่เพื่อน ๑
ปิดความลับของเพื่อน ๑
ไม่ละทิ้งในเหตุอันตราย ๑
แม้ชีวิตก็อาจสละเพื่อประโยชน์แก่เพื่อนได้ ๑

ดูกรคฤหบดีบุตร มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ ท่าน
พึงทราบว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล ฯ

[๑๙๕] ดูกรคฤหบดีบุตร มิตรแนะประโยชน์ ท่านพึงทราบว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ คือ

ห้ามจากความชั่ว ๑
ให้ตั้งอยู่ในความดี ๑
ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ๑
บอกทางสวรรค์ให้๑


ดูกรคฤหบดีบุตร มิตรแนะประโยชน์ ท่านพึงทราบว่าเป็นมิตรแท้ โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล ฯ

[๑๙๖] ดูกรคฤหบดีบุตร มิตรมีความรักใคร่ ท่านพึงทราบว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ คือ

ไม่ยินดีด้วยความเสื่อมของเพื่อน ๑
ยินดีด้วยความเจริญของเพื่อน ๑
ห้ามคนที่กล่าวโทษเพื่อน ๑
สรรเสริญคนที่สรรเสริญเพื่อน ๑


ดูกรคฤหบดีบุตร มิตรมีความรักใคร่ ท่านพึงทราบ
ว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล ฯ

พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า

[๑๙๗]
บัณฑิตรู้แจ้งมิตร ๔ จำพวกเหล่านี้ คือ มิตรมีอุปการะ ๑ มิตรร่วมสุข
ร่วมทุกข์ ๑ มิตรแนะประโยชน์ ๑ มิตรมีความรักใคร่ ๑ ว่าเป็น
มิตรแท้ ฉะนี้แล้ว พึงเข้าไปนั่งใกล้โดยเคารพเหมือนมารดากับบุตร
ฉะนั้น บัณฑิตผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมรุ่งเรืองส่องสว่างเพียงดังไฟ
เมื่อบุคคลออมโภคสมบัติอยู่เหมือนแมลงผึ้งผนวกรัง โภคสมบัติย่อม
ถึงความสั่งสมดุจจอมปลวกอันตัวปลวกก่อขึ้น ฉะนั้น คฤหัสถ์ใน
ตระกูลผู้สามารถ ครั้นสะสมโภคสมบัติได้อย่างนี้แล้ว พึงแบ่ง
โภคสมบัติออกเป็นสี่ส่วน เขาย่อมสมานมิตรไว้ได้ พึงใช้สอยโภค
สมบัติด้วยส่วนหนึ่ง พึงประกอบการงานด้วยสองส่วน พึงเก็บส่วน
ที่สี่ไว้ด้วย หมายว่าจักมีไว้ในยามอันตราย ดังนี้ ฯ




พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๑
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์