รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี

รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี

รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี


พระอาจารย์ เล่าว่า "ช่วง ๗-๘ วันที่ผ่านมารบกับเณรทุกวัน บางทีพ่อแม่เขามาดู เห็นลูกโดนตีต่อหน้าต่อตา อาตมาระบุเอาไว้ชัดแล้วว่า อะไรทำได้..อะไรทำไม่ได้ ถ้าทำผิดครั้งที่ ๑ โดนตีหนึ่งที ครั้งที่ ๒ สองที บวกไปเรื่อยๆ

การลงโทษเด็ก..ถ้าเขารู้ว่าเขาทำผิด เขาจะรับได้ แต่ถ้าอยู่ๆ แล้วไปตี เขาจะดื้อ เราต้องแจ้งกติกาก่อน เขาจึงรับได้ โบราณเขาพูดถูกที่บอกว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี ถ้าพูดไม่รู้เรื่องต้องตี จึงจะสามารถทำลิงทำค่างให้กลายเป็นเณรได้

ตั้งแต่กระทรวงมีคำสั่งให้เด็กนักเรียนที่สอบตกให้ซ่อมได้ กับไม่ให้ตีเด็ก รู้สึกว่าความประพฤติเด็กแย่มากขึ้นทุกที ถ้าไม่ตีเดี๋ยวเด็กออกไปเป็นโจร สมัยนี้ถึงได้ออกไปเป็นเด็กแว้นกัน

ถ้าบวชชีที่นี่แล้วจะรู้ว่าแม่ชีวัดท่าขนุนก็โดนตี ชีโหล่ โดนอาตมาตีแล้วต้องนอนคว่ำเป็นอาทิตย์ เพราะก้นแตกเป็นทางยาว นอนหงายไม่ได้ ตีให้เขารู้เพราะตกลงกันแล้วว่าทำอะไรผิด ทำอะไรไม่ผิด แล้วยังฝืนอีกก็แปลว่าสมควรโดน

พวกนี้เขารักกันมากเลยนะ มีอยู่คนหนึ่งโดนตี ๑๓ ที เขาช่วยกันรับคนละที ปรากฏว่าก้นแตกไปตามๆ กัน"

"แม่ชีคนนั้นเขาไม่รู้ว่าเขาผิด อาตมาก็บอกว่า สิ่งไหนที่เคยเตือนแล้ว ห้ามแล้วยังทำอีก ก็แสดงว่าเป็นคนที่ไม่รู้จักดีไม่รู้จักชั่ว คนประเภทนี้สมควรโดนตีกี่ที ? เขาบอกว่า ๑๒ ที เขาไม่รู้ว่ากำลังตัดสินตัวเอง พอตัดสินเสร็จอาตมาบอกว่าหันก้นมาแล้วตีเลย

สาเหตุที่ตีเพราะเขาหนีไปคุยกับเณรในป่าช้าเวลากลางคืน ถ้าไม่ตัดไฟแต่ต้นลมไว้ก่อนเดี๋ยวบรรลัยหมด คราวนี้พอพรรคพวกเห็นว่าโดน ก็เลยช่วยกันรับไปคนละทีสองที นั่นแหละ...ชีโหล่รับแทนไปทีหนึ่ง นอนคว่ำไปเป็นอาทิตย์เลย นอนหงายไม่ได้ ก้นแตกเป็นทางยาว อาตมามือหนักเกินชาวบ้านเขา...

เด็กวัดรุ่นนั้นโดนตีทุกวัน บางคนโดนตีเป็นสิบที เขาก็รับได้เพราะเขารู้ว่าเขาผิด พออาตมาไปรับสังฆทานที่กรุงเทพฯ อยู่พักเดียว กลับไปเด็กวัดหายหมด..! สอบถามถึงได้รู้ว่า อาจารย์สมพงษ์ตี ๖ ที เด็กหนีเลย

เวลาเด็กทำผิด อาจารย์สมพงษ์ท่านจะปล่อยไปเรื่อย ปล่อยจนตัวเองทนไม่ไหวแล้วไปตีระบายอารมณ์ทีเดียว เด็กเขารู้ว่าเขาไม่ได้ผิดขนาดนั้น ไปตีระบายอารมณ์นี่เขารับไม่ได้ เขาจึงหนีกลับบ้าน ส่วนอาตมาตีมากกว่าเป็นเท่าเขาไม่หนี

บางทีโยมมาใส่บาตรเห็นเด็กวัดเดินน่องลายพร้อย "โห..หลวงพ่อ ตีมันขนาดนี้เลยหรือ ?" อาตมาบอกว่า "ตีมันตอนนี้ ดีกว่าปล่อยให้มันโตแล้วกลายเป็นโจร..!"

อาตมาให้โอกาสเขามากเลย บอกว่า ๑. ถ้าข้าไม่เห็นเอง ๒.ถ้าไม่มีคนฟ้องแล้วเป็นพยาน เอ็งจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ แต่ถ้าข้าเห็นต่อหน้าต่อตา..โดน..! หรือถ้ามีคนฟ้องแล้วเป็นพยาน..เอ็งโดน..! บางทีตีไปเด็กก็บ่นพรรคพวกไป "ไอ้ห่..เอ๊ย..ทำไมต้องให้หลวงพ่อรู้ด้วยวะ" นั่นเขาตัดพ้อต่อว่ากันเอง"





ขอบคุณบทความจาก วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์