สิ่งใดมิใช่ของเรา

สิ่งใดมิใช่ของเรา

** สิ่งใดมิใช่ของเรา **


พุทธวัจน: สิ่งใดมิใช่ของเรา

พระพุทธเจ้าทรงถามภิกษุว่าเมื่อคนขนเอาหญ้าและกิ่งไม้ไปเผาหรือทำตามความต้องการของเขา พวกเธอเคยเกิดความคิดว่าเขาเอาเราไปเผาหรือไปทำย่ำยีหรือไม่ ภิกษุในที่นั้นได้ตอบว่าไม่ เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นหาใช่ตัวตนหรือเนื่องด้วยตัวตนของข้าพระองค์ไม่

พระพุทธเจ้าทรงตรัสตอบว่า ฉันใดก็ฉันนั้น สิ่งใดมิใช่ของพวกเธอ พวกเธอจงละเสีย สิ่งนั้นอันพวกเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพวกเธอเอง ตลอดกาลนาน แล

พระองค์ทรงชี้ให้เห็นว่าขันธ์ห้าก็ไม่ใช่ของเรา ให้พึงละขันธ์นั้นๆ เสีย นั่นคือจะมัวไปตรงอะไรไม่ได้ จะตรงรู้ ตรงเห็น ตรงนึกตรงคิด ตรงอารมณ์ก็ไม่ได้ เรียกว่า ให้ปลงให้ปล่อยสิ่งที่มีอยู่อย่างฉับพลัน แบบไม่ลังเลไม่สงสัย ไม่ต้องไปสังเกตเสียก่อน ไปพิจารณาเสียก่อน ไม่ต้องไปเข้าใจเสียก่อน ให้ปล่อยเลย จะเป็นจิตดีจิตไม่ดีก็ช่างมัน ไม่ต้องมีเราไปพอใจไปไม่พอใจ ไม่ต้องคอยผูกคอยแก้ ไม่ต้องคอยเกิดคอยดับให้เป็นตัณหาใหม่ๆ

ซึ่งความจริงแล้ว สิ่งใดมิใช่ของเรา ก็ไม่ควรต้องอยากให้มันดีขึ้นหรือเลวลงแต่ประการใด และไม่ควรแม้แต่ไปคอยรู้ คอยสนใจมัน ให้เลิกฝึกวิชาเฝ้ายาม ไม่ต้องไปคอยสังเกต คอยพิจารณา ไปคอยแบกขันธ์เสียก่อนแล้วค่อยวาง คอยเอาเราไปรู้มันวางมัน แล้วเหลือเราอยู่ทนโท่

อย่างไรก็ตามเมื่อเริ่มปล่อยวางใหม่ๆ ก็อาจเผลอไหลตามสภาวะอารมณ์ไปบ้างก็ช่างมัน ไม่ต้องไปร้อนใจ ไม่ต้องตำหนิตนเอง นั่นเป็นเพราะกรรมอนุสัยบางตัวยังแรงอยู่ เคยตอกย้ำความเป็นเราเอาไว้มาก และยังปล่อยไม่สุดสาย ยังมีเราแอบไปคอยรู้ คอยสังเกต คอยพิจารณาหรือมีเราไปคอยปล่อยอยู่ อย่างไรก็แล้วแต่ อย่าหลงว่าจิตเป็นของเรา แล้วพยายามทำจิตให้ดีให้สงบ ให้ค่อยๆ ผ่อน ค่อยๆ คลายความเป็นตัวตนไปเรื่อยๆ แล้วจะดีเอง


สิ่งใดมิใช่ของเรา


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์