สุขทุกข์เปลี่ยนไปตามโลก

สุขทุกข์เปลี่ยนไปตามโลก

เมื่อเกิดมีชีวิตย่อมผิดหวัง
เมื่อมีตั้ง ก็มีล้ม ล่มสลาย
เมื่อมีเกิดทั้งที ก็มีตาย
เมื่อมีหลาย ก็มีลด เป็นบทเรียน

เหมือนน้ำขึ้น น้ำลง ปลงเสียเถิด
เหมือนความเกิด ความดับ กลับแปรเปลี่ยน
เหมือนสว่าง และมืดมน วกวนเวียน
จะเสถียร สถาพร ก็ตอนตาย


การที่คนเราจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ความเคยชิน อุปนิสัยใจคอ เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเปลี่ยนแปลงตนเองไม่ได้ ถ้าเราเข้าสู่การทำใจ การเรียนรู้ใจ การพัฒนาใจ การปรับปรุงใจ และการไม่เอาแต่ใจ

การที่เราเอาแต่ใจตนเอง อยากจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างใจตนเอง เราจะขัดใจ อึดอัดใจ ไม่สบายใจ อยู่บ่อยๆ เพราะโลกนี้ก็ต้องหมุนไปตามแรงเหวี่ยงของโลก ปรากฏการณ์ทั้งหลายในโลกนี้ก็ต้องเป็นไปตามวิสัยโลก หากเราจะต้องให้สิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นไปอย่างใจของตนเอง เราก็จะกลายเป็นคนที่หงุดหงิดและผิดหวังอยู่ตลอดเวลา

เราจะต้องพยายามทำใจของเราให้เป็นไปตามแรงหมุนของโลก สร้างเหตุปัจจัยที่ดีที่สุด พยายามทำจิตของเราให้ดีที่สุด พร้อมที่จะรับความไม่เป็นไปดั่งใจให้ได้มากที่สุด พร้อมที่จะทำให้ใจของเรามีภาวะที่สามารถปรับได้เปลี่ยนได้ พัฒนาได้ และฝึกฝนให้เป็นคนที่มีความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจได้ ไม่ว่าจะถูกกระทบด้วยอารมณ์ ผัสสะ เรื่องราวใดๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็ตาม

ตราบใดที่เราเป็นคน ตราบใดที่เราเดินเหินในโลกลูกนี้ เราปฏิเสธไม่ได้สิ่งที่เราไม่ชอบ สิ่งที่เราชอบ มันก็จะต้องหมุนเวียนเปลี่ยนเข้ามาในชีวิตจิตใจของเราตลอดเวลา กระทั่งมีถ้อยคำปรากฏในพระไตรปิฎกว่า
"ความสุขย่อมเกิดในลำดับแห่งความทุกข์ และความทุกข์ย่อมเกิดในลำดับแห่งความสุข”

หมายความว่า”ความสุข” กับ “ความทุกข์” จะเกิดดับสลับกันไป ไม่มีความสุขโดยส่วนเดียวและก็ไม่มีความทุกข์โดยส่วนเดียว

ขณะใดที่กำลังมีความสุขมากๆ นั้น บัดเดี๋ยวความทุกข์หนักๆก็จะต้องตามมา ในทางกลับกันขณะที่กำลังมีความทุกข์มากๆ จงเชื่อเถิดว่าบัดเดี๋ยวความสุขอันวิเศษก็จะตามมา ขณะที่มีความทุกข์และมีความสุขอยู่นั้น ก็อย่าคิดว่าจะจีรังยั่งยืน ทั้งความทุกข์และความสุขเป็นของไม่เที่ยงไ ม่สามารถที่จะอยู่ยงคงทนกับชีวิตของเราในขณะใดขณะหนึ่งยาวนานเกินไปนัก

ถ้าเราไปฝังใจอยู่กับทุกข์ เรากำลังจะทุกข์ซ้อนทุกข์ ทุกข์ซ้ำทุกข์ ทุกข์ทับถมทุกข์ที่มีอยู่แล้ว

มนุษย์เราส่วนใหญ่นั้นไม่ได้ทุกข์เพราะทุกข์เพียงชั้นเดียว แต่ไปสร้างทุกข์ทับถมทุกข์ที่มีอยู่แล้วเสียมากกว่า เป็นต้นว่ามีคนมาด่าเราหนึ่งครั้ง เราก็เกิดอาการทุกข์ในใจ เพียงแค่นี้เราก็ควรที่จะให้ทุกข์นั้นผ่านไป เพราะว่าความรู้สึกทุกข์ในใจที่ถูกเขาด่ามันเป็นเพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าวก็จางหายไป เราไม่ได้โกรธอยู่ตลอดเวลาเสียเมื่อไหร่ หยุดพักก็ไม่เกิดแล้ว แต่เนื่องจากว่าตัวเราเองไปนำเอาคำด่าที่เขาด่าเรานั้นมาด่าตนเองซ้ำอีกนับจำนวนร้อยครั้งพันครั้ง ไปไหนมาไหนเราก็ยังด่าตัวเองว่า มันด่าฉัน ๆๆๆๆ ! จริงๆ แล้วเขาด่าเราเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ตัวเราเองนั่นแหละด่าตัวเองจนนับจำนวนครั้งไม่ได้

คนเราทุกข์ก็เพราะว่าสร้างทุกข์ทับถมตัวเองที่มีทุกข์อยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่น่ายินดีปรีดาแต่ประการใด เราจะต้องปล่อยให้ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้วตั้งอยู่ประเดี๋ยวเดียว ทำให้ดับไปอย่างเร็วที่สุด อย่าเอาใจไปแบกรับกับความทุกข์นั้นๆ และจงพยายามปล่อยให้ทุกข์ที่ผ่านมานั้นผ่านไป อย่าไปเก็บกักดักอารมณ์เหล่านั้นหมักหมมไว้ในจิตวิญญาณของเรายาวนานนัก ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นว่าเรามีชีวิตที่ไม่สามารถพัฒนาตนไปสู่จิตวิญญาณที่โปร่งใสแจ่มใสได้




ขอบคุณบทความจาก ธรรมจักร


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์