อยู่กับธรรม โดยพระครูสุวีรธรรมานุยุต (ครูบาเจ้าอินสม สุวีโร)

อยู่กับธรรม โดยพระครูสุวีรธรรมานุยุต (ครูบาเจ้าอินสม สุวีโร)

"อยู่กับธรรม"(ถอดเทป)

ธรรมโอวาท พระครูสุวีรธรรมานุยุต(ครูบาเจ้าอินสม สุวีโร)



ของอย่างนี้มันบอกกันไม่ได้(การบรรลุธรรม) ถ้าบอกไปพูดไปคุยไป คนปรามาสก็จะเป็นบาปเป็นกรรมกับเขา เป็นโทษกับเขาอีก ก็เลยไม่พูดไม่คุยไม่อะไรซักอย่าง ไม่ต้องให้ใครเป็นบาปเป็นกรรมด้วยเอามาอวดมาอ้างมาอ่านพูดคุยกัน เพ้อเจ้อไปเรื่อยก็ไม่ดี

ข้อที่บวช ที่ควรทำ นิสัย4 น่ะ ข้อที่1 เที่ยวบิณฑบาต 2 นุ่งผ้าห่มบังสุกุล 3 อาศัยอยู่โคนต้นไม้ 4 ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า เป็นกิจ 4 อย่างที่ควรทำ และอกรณียกิจ4 ของไม่ดี 1)เสพเมถุน 2)ลักของเขา 3)ฆ่ามนุษย์ให้ตาย 4)อวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน ว่าเราได้ถึงพระอรหันต์แล้ว ได้ถึงพระอันนั้นแล้ว พระอันนี้แล้ว ได้ถึงชั้นนั้นชั้นนี้ ได้ถึงนิพพาน พูดคุยแบบนี้มันก็อวดอู้ มันก็ไม่ดี ใครปฏิบัติได้ ใครก็ได้เอง ใครไม่ปฏิบัติก็ไม่ได้ คนไหนปฏิบัติก็รู้เอง ปฏิบัติไปเถอะ ปฏิบัติไปเรื่อยๆ กำกับด้วย พุทโธ ธรรมโม สังโฆ ก็เป็นอุบาย ที่จะทำได้จริงๆก็เอาจิตให้หลุดพ้น

จิตของมันไปเอง มันเห็นความเบื่อหน่ายของตนนี่ต้องประพฤติไปเรื่อยๆ ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ถ้าเราเอาเกศา เราก็พิจารณาเกศาไป เกศา โลมา นขา ทันตา ตะโจ พิจารณาว่า ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นของ โสโครก เป็นของโสมม ไม่สะอาด ไม่ดีไม่งาม ไม่น่ารักน่าใคร่ เป็นของน่าเกลียด ถ้าเราไม่ล้างหน้าล้างตา ขี้หูขี้ตา มันเป็นขี้หมด ไม่แปรงฟันมันก็เป็นขี้ฟัน ผมไม่โกนมันก็รกรุงรัง หนวดเคราต้องโกนต้องทิ้งมันไป ถ้าปล่อยไว้ยาว ตกใส่ข้าว ใส่ปลา มันก็กินไม่ได้แล้ว มันน่าเบื่อ เป็นที่น่าเกลียดน่าชัง ต้องพยายาม พิจารณาดูให้รู้ ให้เข้าหัวใจ ให้รู้เห็นในใจ ให้เห็นสว่างในใจ พิจารณาไปเรื่อยๆ พิจารณาสังขาร ร่างกายของเรา ว่ามันไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของตน ไม่ใช่ตัวของเรา เราเพียงแต่อาศัย ด้วยลมหายใจเข้าออก ถ้าไม่มีลม เราก็สิ้นไป ลมของเราก็หนีไปตามลม น้ำก็หนีไปตามน้ำ ดิน เนื้อหนังมังสาก็กลายเป็นดิน กระดูกก็กลายเป็นดินไป เป็นของที่ยึดถือไม่ได้ เป็นของที่ไม่ยั่งยืน ต้องคิดพิจารณาไป กับธรรม ด้วยธรรม อยู่กับธรรม

ที่เราทำบุญทำกุศล ก็เพราะว่าสะสมบุญกุศลของเรา มีบุญ เราก็อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ทั้งภพนี้และภพหน้า ภพนี้ถ้าเราทำบุญกุศลไปเรื่อยๆ เราก็ไม่อดไม่อยาก พออยู่พอกิน วันไหนจะอดจะอยาก ก็มีคนมายื่นมาแบ่งมาปัน ให้กิน หรือว่าพอหาได้ ถ้าไปภพหน้า ก็ไม่อดไม่อยาก เหมือนกับผีคริสต์ ผีพุทธนั่นแหละ พอตายไปแล้วก็เอาดินใส่หลุม เสร็จสรรพเรียบร้อยก็ได้แค่นั้น คนไทยเรา คนที่ถือพุทธ ทำบุญสุนทาน มีสังฆทาน มีทำบุญข้าวปลาอาหาร นิมนต์พระไป 9 รูป นิมนต์พระไป 8 รูป ไปบังสุกุล เลี้ยงเพล กรวดน้ำ มันก็กลายเป็นของทิพย์ไป พอตายไปก็ได้เป็นของทิพย์ แม้แต่เราจะเมตตาเขา แบ่งกันได้ กินกันได้ ลดหย่อนผ่อนกันได แต่พอไปเมืองผีแล้ว ของใครก็เป็นของคนนั้น ไปแย่งใครก็ไม่ได้ ไปหยิบเอาของใครก็ไม่ได้ ถ้ามีโทษ(ในนรก) โดนลงโทษ โดนโซ่ ใส่เหล็ก เสียบแทง ก็ไม่หยุดหย่อน ผ่อนกันได้ อย่างมนุษย์เรานี่ยังขอโทษขออะไรกันยังได้ ถ้านั่งไปๆ ปฏิบัติไปเรื่อยๆ จิตเข้าใกล้ เข้าถึงไป จิตมันจะรับรู้ว่าชั่วดีมีจนอย่างไร มันจะรู้ในใจ ในจิตของเรา จิตเราจะเยือกเย็นสุขุม สบายใจ เห็นใครก็เมตตาหมด

__________________
ธรรมลิขิต หลวงปู่บุดดา ถาวโร



"คนเราจะเป็นสุขเมื่อรู้จักพอดี ไม่มีใครได้อะไรตลอดไป หรือเสียอะไรตลอดไป ไม่มีใครหรือสิ่งไหนคงอยู่ตลอดไปโดยไม่สูญสิ้น ขอเพียงแค่รู้จักพอดีทุกคนจะเป็นสุข"

อยู่กับธรรม โดยพระครูสุวีรธรรมานุยุต (ครูบาเจ้าอินสม สุวีโร)


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์