อย่าโง่กันนักเลย โดย หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

อย่าโง่กันนักเลย



โดย หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ


วันอาทิตย์ที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๕



ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ณ บัดนี้ถึงเวลาของการฟังปาฐกถาธรรมะ อันเป็นหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาแล้ว ขอให้ทุกท่านอยู่ในอาการสงบ ตั้งอกตั้งใจฟังด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน์ อันเกิดขึ้นจากการฟัง ตามสมควรแก่เวลา


พวกเราชาวไทยเรียกตนเองว่าพุทธบริษัท พุทธบริษัท ก็คือ ผู้นั่งแวดล้อมพระพุทธเจ้า นั่งแวดล้อมพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม เพื่อศึกษาข้อปฏิบัติ ที่จะได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป เรียกว่า เป็นพุทธบริษัท พุทธบริษัทนั้นประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณีคือพระผู้หญิง อุบาสก อุบาสิกา แต่ว่าในปัจจุบันนี้ภิกษุณีไม่มีแล้ว ตั้งแต่พระพุทธเจ้าปรินิพพานได้ราว ๒๐๐ ปี ภิกษุณีก็สูญพันธุ์ไป ยังอยู่แต่ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพุทธบริษัทที่ยังเหลืออยู่ในยุคปัจจุบันนี้
เราทั้งหลายที่เป็นพุทธบริษัทมีหน้าที่ที่จะต้องรักษา ทำความเข้าใจในหลักธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า มีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติให้ถูก ให้ตรงตามหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้

เราจะต้องมีความจงรักภักดีต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าไม่เอาใจออกห่างไปจากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ การกระทำอันใดที่เป็นการแสดงออกซึ่งน้ำใจว่าเราขาดความไว้วางใจในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม พระสงฆ์ การกระทำเช่นนั้น ชื่อว่าเป็นโทษ เป็นบาปเป็นการกระทำที่เรียกว่านอกรีดนอกรอยไปจากหลักธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาสนา

อย่าโง่กันนักเลย โดย หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

เราผู้เป็นพุทธบริษัท จะต้องมีการกวดขันควบคุมพรรคพวกเราด้วยกันเอง ไม่ให้เขวออกไปนอกลู่นอกทาง ไม่ให้ปฏิบัติ กาย วาจา ใจ

เป็นไปในทางที่ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะถ้าหากว่าเราเขวออกไปนอกลู่นอกทาง ปฏิบัติไม่คงเส้นคงวา ตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว พระศาสนาก็จะเสื่อม คือ เสี่อมไปจากจากจิตใจของพวกเราทั้งหลาย แล้วก็จะเสื่อมหายไปจากโลก
แต่มีสิ่งอื่นเข้ามาแทนพระพุทธศาสนาไป การกระทำเช่นนั้น ได้เชื่อว่า เป็นการทำลายธรรมะของพระพุทธศาสนาให้เหลืออยู่แต่เพียงชื่อให้เหลือเพียงแต่วัตถุของศาสนา ตัวศาสนาที่แท้จริงหายไป ถ้าตัวศาสนาที่แท้จริงหายไปแล้ว จะเรียกว่า เป็นเมืองพระพุทธศาสนาได้อย่างไร จะเรียกว่าเป็นพุทธบริษ้ท ผู้นั่งแวดล้อมพระพุทธเจ้าได้อย่างไร เพราะว่าเราไม่ได้เอาหลักธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้าไปใช้เป็นหลักปฏิบัติ ในชีวิตประจำวัน ชีวิตก็จะตกต่ำเรื่อยไป ไม่มีความก้าวหน้า อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่เราผู้เป็นพุทธบริษัทจะต้องกวดขันกันสักหน่อย

ในศาสนาอื่นนั้น เขามีการกวดขันกันมาก ที่จะไม่ให้บริษัทของเขาทำอะไรนอกลู่นอกทาง ซึ่งไม่ใช่เรื่องศาสนาที่เขาสอน ไม่ใช่เรื่องปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์แล้ว เขาจะไม่ปฏิบัติเป็นอันขาด ให้เราสังเกตพวกอิสลามมิกชน หรือว่าพวกคริสเตียน ไม่ว่านิกายใด เขาจะไม่ทำอะไรนอกออกไป จากหลักการของคำสอนในทางพระศาสนา อันนี้เรียกว่า เขาเคร่งครัด เขาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามหลักที่เขาได้รับมาจากคัมภีร์ของเขาแต่ว่าเราที่เป็นพุทธบริษัทนั้น ไม่เหมือนเขาทั้งหลาย เพราะผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็นพุทธบริษัท มีการประพฤติปฏิบัติอะไรหลายอย่างนอกลู่นอกทาง ห่างไปจากแนวคำสอนในทางพระศาสนา ต่ว่าไม่มีใครพูดทักท้วง ไม่มีใครเห็นว่าเป็นเรื่องเสียหาย

และการปล่อยอย่างนั้นก็เรียกว่า สมรู้ร่วมคิดกันทำลายพระพุทธศาสนา ทำลายหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้หายไปจากจิตใจคน ให้คนไปเกาะจับสิ่งอื่น ไม่ใช่เรื่องหลักคำสอนในทางพระศาสนา เราทำลายตัวเราเองโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับไม้บางชนิดมันเปื่อยของมันเอง มีตัวมอดตัวอะไรกัดกร่อนของมันเองแล้วไม้นั้นก็ผุยืนตายอยู่ เอาไปใช้ทำประโยชน์อะไรไม่ได้ ฉันใด


ในวงการพระศาสนาเรานี้ก็เหมือนกัน ถ้าหากว่าเราไม่ช่วยกันปรับปรุงแก้ไขสิ่งถูกต้องให้คงอยู่ ทำลายสิ่งผิดให้หายไป


พุทธบริษัทก็เป็นแต่เพียงชื่อ ไม่ได้เป็นโดยน้ำใจไม่ได้เป็นโดยการปฏิบัติตามสัจจธรรม อันเป็นคำสอนในทางพระพุทธศาสนา พระศาสนาก็จะเสื่อมหายไป จะเหลืออยู่แต่เพียงโบสถ์ เหลืออยู่แต่พระพุทธรูป สำหรับคนไปไหว้ สั่นติ้ว ขอหวย ขอเบอร์ หรือไปขออะไรๆ ต่างๆ มันก็ไม่มีค่าอะไร ในทางดับทุกข์ ไม่มีค่าอะไรในทางที่จะขูดเกลากิเลเลส ให้หมดไปจากจิตใจของเราเป็นเด็กอมมือ นับถือศาสนาแบบเด็กอมมือไป อันนี้คือความเสื่อมมาโดยลำดับ ในวงการพระศาสนา



ความเสื่อมอย่างนี้เกิดขื้นเพราะอะไร ก็เพราะว่า เราเป็นคนใจกว้างมากเกินไป จนไม่รู้ว่าอะไรมันเป็นอะไร เราปล่อยกันเกินไป ไม่ประท้วงพุทธบริษัท ที่กระทำกิจนอกลู่นอกทาง ไม่เฉพาะแต่ญาติโยมชาวบ้าน แม้พระสงฆ์ในทางพระศาสนา ก็ไม่ได้กวดขันเคร่งครัด ให้ปฏิบัติถูกตรง ตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า


ในเมืองไทยเราเวลานี้ มีพระประเภทนอกรีดนอกรอย ตั้งตนเป็นครูบาอาจารย์ เป็นหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ในรูปต่างๆ

ซึ่งอยากจะพูดให้เข้าใจว่า นั่นมันไม่ถูกต้อง ไม่ใช่หลักคำสอนใน ทางพระพุทธศาสนา การทำตนเป็นคนขลัง เป็นคนศักดิ์สิทธิ์เป็นหลวงพ่อเป็นเกจิอาจารย์ที่โด่งดังกันอยู่ทั้งหลายทั้งปวงนั้นเป็นพวกนอกรีดนอกรอย ไม่ได้เข้าแนวทางคำสอนของพระพุทธศาสนา ไม่ได้เอาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไปสอนคน ให้รู้ให้เข้าใจ ให้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ แต่ว่าเอาไสยศาสตร์บ้าง เอาเรื่องอะไรๆ ต่างๆ ไปสอนประชาชน ทำให้คนเกิดการหลงผิดในพระพุทธศาสนา

อย่าโง่กันนักเลย โดย หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์