อุทานธรรม !!!

อุทานธรรม !!!

"เมื่อจิตหลุดออกจากโลกของความคิด
จิตก็รู้รูปนามอันว่างเปล่าจากความเป็นตัวตน
เมื่อจิตรู้รูปนามโดยไม่เติมแต่งสิ่งใดลงในการรู้
จิตก็เห็นเงาของธรรมอันสงบสันติที่แทรกซ้อนอยู่อย่างเร้นลับ

อันเป็นความสงบในท่ามกลางความเคลื่อนไหว
อันเป็นความสงบร่มเย็นในท่ามกลางความเร่าร้อน
และเมื่อกำลังของปัญญาแก่กล้าพอ จิตจะปล่อยวางรูปนาม
แล้วเข้าถึงธรรมอันสงบสันตินั้นเองโดยอัตโนมัติ

เมื่อจะเข้าถึงธรรมโดยสงบสันติ จิตก็เข้าถึงของเขาเอง
เมื่อจะทรงอยู่กับธรรมอันสงบสันติ จิตก็ทรงอยู่ของเขาเอง
หากยังบังคับ หรือเพียงจงใจหมายรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งแม้กระทั่งจิต
จิตจะเกิดภพคือการทำงานทางใจ

และห่างไกลจากธรรมนี้ออกไปอีก
ต่อเมื่อรู้แจ้งในความจริงของรูปนาม
จนปล่อยวางรูปนามนั้นได้แหละ
ไม่ต้องทำอะไรเลย ก็เข้าถึงธรรมนี้ได้แล้ว

เมื่อเข้าถึงธรรมอันสงบสันตินี้แล้ว
หากมีกิจที่จะต้องสัมผัส/สัมพันธ์กับโลก จิตก็รู้บัญญัติและรูปนาม
จิตอนุโลมตามโลก คือคล้อยตามสมมุติบัญญัติของโลก
เช่นโลกเขาเรียกว่าผู้หญิง ก็ผู้หญิงกับเขา
โลกเขาเรียกว่าผู้ชาย ก็ผู้ชายกับเขา

แล้วปฏิบัติต่อผู้หญิงและผู้ชายไปตามสมมุติ
หรือตามมารยาทของโลก
ด้วยความรู้เท่าทันว่าผู้หญิงไม่มี ผู้ชายไม่มี
มีแต่รูปนาม เป็นต้น

ในการดำรงชีวิตอยู่นั้น เมื่อหิวก็กิน เมื่อง่วงก็นอน
เมื่อร่างกายต้องการขับถ่ายก็ขับถ่าย
เมื่อมีเรื่องขบขันก็ยิ้มแย้ม
เมื่อมีเรื่องควรสลดสังเวชก็มีธรรมสังเวช

ไม่เสแสร้งสงบสำรวม แต่มีอาการทางกายและวาจา
ไปตามวาสนาที่เคยชิน
ทั้งหมดทั้งสิ้นก็เป็นเพียงกิริยาอาการในความว่างเปล่า
และไม่กระเทือนเข้าถึงธรรมอันสงบสันตินั้นเลย

เมื่อหมดกิจที่จะต้องสัมผัส/สัมพันธ์กับโลก
จิตก็อยู่กับธรรมอันสงบสันติซึ่งเป็นอมตธาตุอมตธรรมนั้น
และเมื่อคราวจะตาย
จิตก็ทิ้งความรับรู้รูปนาม
หดตัวเข้ามารู้เฉพาะความสงบสันตินั้น
แล้วรูปนามก็ดับไป"

~~พระปราโมทย์ ปาโมชโช~~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์