เข้าวัดทำไม : พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ

เ ข้ า วั ด ทำ ไ ม
พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ
สถานพำนักสงฆ์บ้านบุญ บ้านไร่ทอสี จ.นครราชสีมา


จงมีสติเป็นที่พึ่ง
เรามีสติที่ไหนก็อยู่กับธรรมะที่นั้น ไม่ผิดพลาดในที่นั้น
สถานที่เราอยู่ถึงจะกลางกรุงก็ตาม
มีสติอยู่ในใจก็สงบเหมือนวัดป่าได้

ส่วนผู้อุตส่าห์มาอยู่ในวัดแล้วปล่อยสติให้ขาดบ่อยๆ
ในขณะที่ไม่รู้ตัว วัด ก็ไม่ใช่ วัด สำหรับผู้นั้น ในขณะนั้น
ซ้ำร้าย เผลอแล้วอาจทำลายบรรยากาศที่อบอุ่น
และสามัคคีของชาววัดคนอื่นไปเสียด้วย

เพราะผู้ไม่มีสติ ทำอะไรมักไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อคนอื่น
เชื่อฟังแต่อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง
จึงพร้อมที่จะทำให้คนอื่นที่ตั้งใจมาอยู่วัด
ไม่ค่อยได้อยู่วัดเหมือนกัน
บาปกรรมก็ทวีขึ้น ความสงบได้แต่ชื่อ

ฉะนั้น ผู้ต้องการอยู่ที่วัด อย่าให้แม่เหล็กแห่งโลกดึงดูดไป
สำรวมกาย วาจา ใจ เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์คนอื่น
เอาใจเขาใส่ใจเรา


มาตรฐานของวัดมันสุงกว่ามาตรฐานของสังคมโลก
บางสิ่งที่ชาวโลกเขาทำกัน โดยถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
คนวัดรังเกียจถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับผู้ละอายและเกรงกลัวบาป

ถ้าธรรมดาก็ธรรมดาของกิเลส
ไม่ใช่ธรรมดาของทางสายกลาง


คนที่อยู่ในที่รกรุงรัง เขาเห็นของสกปรกก็ไม่ค่อยได้คิดอะไร
เพราะถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของที่รก
แต่คนที่อยู่ในที่สะอาด ก็รู้สึกว่าของสกปรก
แม้แต่เล็กน้อยเป็นมลทิน รู้สึกว่าเป็นปัญหาที่ต้องแก้

เข้าวัดทำไม : พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ


บาง คนเข้าวัดใหม่ๆ มักจะสงสัย
ดูเหมือนกับว่าจิตใจมีกิเลสมากกว่าอยู่ที่บ้าน
ที่จริงไม่ใช่เพียงแต่ว่าฉากขาว ของเปื้อนเห็นได้ชัดขึ้น

ดังนั้น ผู้ที่มาวัด
ต้องปรับการประพฤติของตนให้เข้ากับมาตรฐานของวัด


อย่าพึ่งดึงมาตรฐานของวัดลงไปสู่มาตรฐานส่วนตัว
อย่านำนิสัยเสียดั้งเดิมเข้ามาแพร่เชื้อโรคในหมู่อุบาสกอุบาสิกาเลย
เอาของโลกมาทับถมวัดจะน่าเกลียด
เอาความดีของเรามาเสริมความดีของเขาดีกว่า
ให้เราทุกคนสังวรสำรวม โดยเฉพาะในการพูด


อยู่ในวัดเราจะคุยเหมือนที่บ้านไม่ได้
ต้องพูดแต่เรื่องที่น่าฟังผู้ชอบพูดหยาบ ต้องงดโดยเด็ดขาด
ใครชอบถากถางเสียดสี ชอบกระแนะกระแหน
อยู่นอกกำแพงดีกว่า มาวัดจะพูดอย่างนั้นไม่ได้

แต่พูดอะไรก็ตาม พยายามให้เป็นสุภาษิต
คือพูดเรื่องจริงที่เป็นประโยชน์ ถูกกาละเทศะ ด้วยความหวังดี
และด้วยสำนวนอ่อนโยน


แล้วพิจารณาคำพูดของตัวเองบ่อยๆ ว่า

พูดอย่างนี้เหมาะไหมกับการเป็นลูกศิษย์ครูบาอาจารย์
ถามบ่อยๆ ว่า ถ้าเกิดครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือที่สุด
เช่น หลวงพ่อชา ได้ทราบว่า เรากำลังจะพูดอะไร
ท่านจะพอใจไหม ? ท่านจะสาธุไหม?

วาจาของเราอยู่ในระดับที่เรียกว่า อริยะขันธศีล
เป็นที่พอใจของพระอริยเจ้าหรือยัง


การเข้าวัดก็เพื่อยกฐานะของตัวเองให้สูงขึ้น
ในเบื้องต้นต้องกระเสือกกระสนให้จิตออกจากที่มืด
ขึ้นไปอยู่บนทางไปสู่แดนสว่าง

พระพุทธองค์ให้เราไม่สันโดษกับสิ่งดีที่เราได้เจริญแล้ว
แต่ให้เราหมั่นทำให้ความดีนั้นดียิ่งๆ ขึ้นไป
เห็นแสงอยู่ปลายอุโมงค์ ต้องเดินให้ถึง
ทางก็พอเดินได้ ขาเราก็มี เราจะมัวโอ้เอ้ทำไม...




(คัดลอกบางตอนมาจาก : เข้าวัดทำไม ใน "ร่อนทอง" โดย ชยสาโรภิกขุ,
พิมพ์ครั้งที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๓ โดยคณะศิษย์และญาติมิตรเพื่อพิมพ์แจกเป็นธรรมทาน, หน้า ๓๒-๓๓)



บทความจาก ธรรมจักร(กุหลาบสีชา)

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์