เผาศพทั้งที เผาผีเสียบ้าง

เผาศพทั้งที เผาผีเสียบ้าง


การมาเผาศพ คนโบราณเขาว่าได้อานิสงส์มาก...
อานิสงส์มันอยู่ที่ตรงไหน...?
ก็อยู่ตรงที่เราได้ปัญญา ได้จัดความรู้ความคิดเกี่ยวกับศพ
เอามาเป็นเครื่องเตือนใจแล้วเรานำไปประพฤติปฏิบัติ...

ถ้ามาเผาเฉยๆ กลับไปเราก็ได้แต่เพียงว่าได้ประโยชน์ทาง
สังคมเท่านั้นเอง เจ้าภาพเห็นหน้าว่า...
"อ้อ! คนนั้นก็มา คนโน้นก็มา"...สบายใจแพล็บหนึ่ง
แล้วมันก็หายไป ไม่มีอะไรมากนัก...

แต่เราผู้มานี่ควรจะได้ปัญญาด้วยการมองสิ่งที่วางอยู่
เฉพาะหน้า เช่น...ศพ เครื่องประดับศพ อะไรต่างๆ
ล้วนแต่เป็นธรรมะ เป็นเครื่องเตือนใจทั้งนั้น...
กำลังพูดจ้ออยู่ตลอดเวลา แต่ว่าบางทีเราไม่ได้เปิดหูฟัง
เรามีตาแต่ดูไม่เข้าใจ,มีหัวใจแต่ว่าคิดไม่รู้,เลยไม่ได้เรื่องอะไร

จึงขอเตือนญาติโยมว่า ทุกครั้งที่เรามาป่าช้า...
มาในงานศพนี่ขอให้คิดเอาศพเป็นเครื่องเตือนจิตสะกิดใจ
ให้เกิดปัญญาความคิดความอ่าน แล้วมีความไม่ประมาท
ในความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน....สมมุติว่าเราเป็นคนมี
อะไรบกพร่องอยู่ในตัวบ้าง...? ประพฤติไม่ค่อยดีไม่ค่อยงาม
ทำตนให้เสียหาย ทำชื่อเสียงให้เสียหาย เมื่อเรามางานศพ
เราก็มองให้เห็นว่าสิ่งนั้นไม่ดีเอาไปเผาเสียด้วย...

ญาติโยมโดยมากก็เอาดอกไม้จันทน์ไปสักการะศพ...
เอาธูปเทียนไปวาง อันนั้นเขาเรียกว่าเผาหลอก แล้วก็เผาจริง
กันอีกทีหนึ่ง เผาจริงๆแท้ๆนั้นไม่ใช่เผาศพ...

เราควรจะมาเผาอะไรๆเสียด้วย...
อะไรๆที่เราควรเผาน่ะ มันคืออะไร...?
คือ สิ่งชั่วร้ายที่มีอยู่ในใจเรานี่แหละ ที่เขาพูดกันง่ายๆ
ว่าไปเผา...'ผี'...นั่นแหละ
ศพ...ไม่ใช่ผี แต่'ผี'นั่นคือ ความชั่วที่อยู่ในตัวเรา...

ผีเหล้ามันเป็นสิ่งชั่ว ผีการพนัน ผีขี้เกียจ ผีเที่ยวกลางคืน
ผีใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ผีไม่เอาการเอางาน...เหล่านี้
ความชั่วน่ะ คือผี ความดีน่ะคือพระ...
ถ้าเรามีความชั่ว ก็คือเรามีผี บางคนเลี้ยงผีตลอดเวลา
เขาเรียกว่าเป็น 'หมอผี' เลี้ยงผีเหล้าไว้ เลี้ยงผีการพนันไว้
เลี้ยงผีเที่ยวกลางคืนไว้ เลี้ยงผีสุรุ่ยสุร่ายไว้ เลี้ยงผีขี้เกียจ
ไม่เอาการไม่เอางานไว้ นี่คือผีทั้งนั้น...

อย่าเลี้ยงมันไว้ เพราะถ้าเอาไว้มันจะทำลายเรา...
แต่ถ้าเราทำลายมันเสียเราก็จะสบาย...เพราะฉะนั้น
ในเวลาที่มาเผาศพ เราก็ควรเผาผีในตัวเราเสียด้วย
ผีอะไรอยู่ในตัวเรา เราก็ต้องนั่งพิจารณาด้วยตัวของเราเอง
แล้วตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่า...
"กูเผาอย่างเด็ดขาดเลยวันนี้ ไม่เอากลับไปบ้านอีกต่อไป"

กลับไปถึงบ้าน ถ้าเราเป็นพ่อบ้าน ไปถึงบ้านก็เรียกแม่บ้าน
มาบอกว่า..."น้อง! พี่ไปเผาผีวันนี้ได้กำไรชีวิตกลับมาแล้ว"
เมียก็คงจะถามว่าได้อะไร...ฉันไปฟังเจ้าคุณปัญญามา...
ท่านมาเทศน์หน้าศพ ท่านบอกให้เผาผีเสีย...

พี่นี่มันก๊งเช้า ก๊งเย็น เลิกกันที ช่วยจำไว้ด้วยนะ ช่วยเตือน
ด้วย เผื่อมันจะเผลอไปในตอนเช้า พอตื่นเช้ามันจะเผลอไป
ก๊งเข้า พอตื่นขึ้นช่วยเตือนนะว่า ผีตัวนั้นเผาแล้ว อย่าเอา
คืนเข้ามาอีก....ช่วยกันเป็นพยาน ช่วยบอกช่วยเตือน...

ใครมีอะไรก็เผากันให้หมดแหละ เลิกมันเสียเลย...
อย่างนี้แหละเรียกว่ามาเผาศพได้กำไร ได้ประโยชน์ ได้อานิสงส์
บางคนเผามาไม่รู้กี่ศพแล้ว ก็ยังเหมือนเดิมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
ขี้เมาอยู่อย่างนั้น ไม่เอาการเอางานอยู่อย่างนั้น...
อย่างนี้เขาเรียกว่าหลับตาไปเผาผี เลยผีไม่ถูกเผา...
ตัวเรามันถูกเผาเสียแย่ไปเลย...
คนโบราณเขาว่าอย่างนั้น...ผีเผาคน ไม่ใช่คนเผาผี...
เราอย่าให้ผีเผาเรา แต่เราควรช่วยกันเผาผี......ฯ

~ปาฐกถาธรรมในงานศพ...วันที่ 4 มีค. 2516...โดน
หลวงพ่อปัญญานันทะภิกขุ~



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์