ใช้ชีวิตให้เหมือนวันสุดท้ายทุกวัน คุณจะไม่เสียใจในอดีต

ใช้ชีวิตให้เหมือนวันสุดท้ายทุกวัน คุณจะไม่เสียใจในอดีต


               การคิดถึงความ ตายมิใช่เรื่องของความผิด แต่เป็นเรื่องของความถูกต้อง เป็นเรื่องกระตุ้นเตือนให้เกิดปัญญา เกิดความก้าวหน้าในการประกอบกิจการงาน เพราะเมื่อรู้ว่าอายุเราเป็นของน้อย อาจจะแตกดับลงไปเมื่อใดก็ได้ ก็ควรที่จะได้รีบเร่งประกอบคุณงามความดีต่อไปตามโอกาสถ้าพูดถึงความตายแล้ว คนไทยเห็นว่าเป็นเรื่องอัปมงคล จะไม่ค่อยพูดกัน เว้นว่าจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง แต่ความตายเป็นเรื่องที่ทุกคนหลีกหนีไม่พ้น พระพุทธเจ้าจึงให้ระลึกถึงความตายเสมอๆ ในบทสวดมนต์หลายบทมีคำสวดที่ให้ระลึกถึงความตาย เช่น

บทพิจารณาสังขารตอนหนึ่ง ที่ว่า

ฯลฯ
อะธุวัง ชีวิตัง, ชีวิตเป็นของไม่ยั่งยืน,
ธุวัง มะระณัง, ความตายเป็นของยั่งยืน,
อะวัสสัง มะยา มะริตัพพัง, อันเราจะพึงตายเป็นแท้,
มะระณะปะริโยสานัง เม ชีวิตัง, ชีวิตของเรามีความตายเป็นที่สุดรอบ,
ชีวิตัง เม อะนิยะตัง, ชีวิตของเรา เป็นของไม่เที่ยง,
มะระณัง เม นิยะตัง, ความตายของเรา เป็นของเที่ยง,ฯลฯ




ใช้ชีวิตให้เหมือนวันสุดท้ายทุกวัน คุณจะไม่เสียใจในอดีต


เราเผชิญกับความตายในสองสถานะ คือ

  • หนึ่งเป็นคนที่กำลังจะตายเอง กรณีความตายจากการเจ็บป่วย จากความชรา ไม่ใช่การตายแบบผิดปกติ เช่นอุบัติเหตุ ฯลฯ
    และ

  • สองเป็นผู้เกี่ยวข้องกับคนที่กำลังจะตาย เช่น เป็นพ่อแม่ สามีภรรยา บุตรธิดา ญาติพี่น้อง หรือมิตรสหาย

เราไม่อาจรู้ว่าวันพรุ่งนี้มะรึนนี้จะมีมั้ยปัจจุบันจึงสำคัญที่สุด

1. ตอนนี้ทุกคนโตขึ้นมีภาระหน้าที่ต้องทำ
จนลืมหน้าที่ของลูกหรือบ้างคนส่งเงินให้ทุกเดือน
แต่พ่อและแม่ก็อยากมีเวลาอยู่กับเราบ้างอาทิตย์ละครั้งเดือนละครั้งก็ยังดี
โทรหาท่านบอกรักท่านทุกครั้งก่อนจะสายที่ไม่กล้าพูดเพราะอาย คนอื่นที่เราเคยตอนหลังไม่ได้เลี้ยงดูเรา แต่เราก็คิดถึง บอกรัก มีเวลาให้ มากว่า พ่อและแม่ ที่มอบลมหายใจ การศึกษา โดยปี่2554 นี้ก็อยากให้ทุกคนเริ่มต้นที่จะไม่ลืมเติมเต็มความรู้สึกคุณพ่อ และ คุณแม่กันนะคะ

2.ถ้าต้องนี้ท่านนับถือศาสนาอะไรก็ตาม ขอให้หมั่นทำความดี สะสมบุญ เก็บออมไว้ มีโอกาสอย่าปล่อยไป เพราะได้ใช้แน่ ไม่ตอนตาย ก็ชาติหน้า เคยได้ยินมาว่าทุกวันนี้ที่เราสุขสบายเพราะใช้บุญเก่ากันอยู่ มันก็มีวันหมดไปได้นะคะ

3.ร่างกายเมื่อสิ้นลมหายใจ ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายเราเปล่าประโยชน์ สามารถบริจาคให้โรงพยาบาลจุฬาลากรณ์ได้เป็นอาจารย์ใหญ่ และได้พระราชทานเพลิงศพด้วยดูรายละเอียดได้ที่ศาลาทินฑัต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  สภากาชาดไทย ในวัน เวลา ราชการ
หรือสอบถามรายละเอียดที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-256-4628 นะคะ

4.คนที่เรารัก และรักเราไม่ควรทำร้ายจิตใจกันและกัน เพราะเราจะทำร้ายตัวเองไม่ด้วย
ถ้าเราคิดว่าจะใช้ชีวิตกันคนนี้ตลอดไปจงอยู่อย่างมีความสุข ต้องเข้าใจกัน เพราะไม่จากเป็นก็ต้องจากกันไปด้วยความตายแต่ก่อนวันนั้นมาถึง ก็จะมีแต่ความทรงจำดีๆต่อกันนะคะ

5.เรื่องการรับประทานอาหาร คิดว่าอยากกินอะไรกินได้ก่อนซื้อกินอยากปล่อยให้ตัวเองอดของที่เราอยากกินเงินทองที่เก็บไว้อาจเก็บไว้ใช้คนอื่นใช้ทุกสิ่งไม่เที่ยงไม่แน่นอนแต่อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

6.ความโกรธ ความโมโห ความเกลีด ความแค้น ขอถามหน่อยว่าใครกันแน่ที่เป็นทุกข์ใจถ้าไม่ใช้เราที่เสียความรู้สึก เหมือนขยะในใจปล่อยเชื้อโรคล่ามไปทั่วจิตใจและร่างกาย ได้โปรดให้อภัยอโหสิกรรม ยกถวายเป็นอภัยทานได้บุญกลับมาอีกแถมไม่ต้องหนักใจอีกต่อไปพวกเค้าเหล่านั้นเพราะทุกคนต้องตายแน่นอน ใช้ชีวิตให้มีความสุขสบายใจกันดีกว่า

7.สังคมการใช้ชีวิตทำให้ทุกคนมีความสุขไม่สร้างเวรกรรมใหม่ จริงใจต่อกัน
ถ้าไม่พอใจ หรือสงสัยไม่ต้องเก็บไว้ให้พูดตรงๆจะได้สบายใจไม่ต้องทุกข์ใจจะได้คำตอบสิ่งนั้นนะคะ

8.การนอน ก่อนนอนให้คิดว่าวันนี้เราทำดี ทำไม่ดี เรื่องอะไรบ้าง แผ่เมตตาทำจิตใจให้สงบอโหสิ และขอบคุณ พ่อแม่ขอบคุณตัวเอง ขอบคุณทุกคนก่อนนอน พรุ่งนี้ตะวันยังมีให้เห็นอยู่เริ่มต้นใหม่ได้เสมือนค่ะ

9.อย่าน้อยวันนี้เห็ดน้อยก็ไม่เสียใจเพราะได้พิมพิ์บทความนี้หวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ

10.ถ้าใครมีข้อคิดดีๆแบ่งปันกันได้นะคะ

11. ขอบคุณมากค่ะที่ตั้งใจอ่าน ขอบคุณเว็ปนี้ไว้เปิดอ่านยามเหงาได้ความรู้จากเพื่อนมากมายค่ะ

12.ขอให้ทุกท่านโชคดี สมบูรณ์ด้วยปัจจัย 4 สมหวังทุกประการค่ะ


ดังนั้นถ้าเป็นคนที่กำลังจะตาย ก็ต้องยอมรับความจริงแท้นี้ ต้องยอมรับความพลัดพราก จากของรักของเจริญใจทั้งหลายทั้งปวง ไม่ห่วงหน้าพวงหลัง ถ้าให้จิตสุดท้ายก่อนที่จะเสียชีวิตอยู่กับบุญกุศลคุณงามความดีแล้ว สุคติจะเป็นแดนเกิด และถ้าก่อนดับจิต มีความเห็นแจ้งว่าความตายเป็นสัจจธรรม ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างลงเสียได้ ยิ่งเป็นความตายที่ประเสริฐที่สุด โบราณาจารย์จึงให้ผู้ใกล้ตายภาวนาคำว่า“พุทโธ”บ้าง “สัมมาอรหัง” บ้าง หรือให้มีพระมาสวดมนต์ มารับสังฆทาน ปัจจุบันมีการเปิดเสียงสวดมนต์ เสียงบรรยายธรรม ให้ฟัง เป็นต้น แต่วิธีรับมือกับความตายที่ดีนั้น ก็คือการพิจารณาความตายอยู่เสมอๆ ทุกๆวัน ทุกๆเวลา( ถ้าทำได้) สร้างความเคยชิน เสียตั้งแต่ก่อนตาย บางคนอาจเรียกว่าซ้อมตายไว้ก่อน ก็ได้

ถ้าเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับคนที่กำลังจะตาย ก็ต้องทำตัวให้คุ้นเคยกับความตายเช่นกัน เมื่อมีการตายเกิดขึ้น จะได้ไม่เศร้าโศก ร่ำไรรำพัน เสียใจจนเกินไป ขาดสติ ยิ่งไปเศร้าโศก ร่ำไห้ ให้คนที่กำลังจะจากไปเห็นด้วยแล้ว ยิ่งจะทำให้จิตของผู้ใกล้ตายไม่สงบ แทนที่จะตายไปเกิดในสุคติ จะไปทุคติภพแทน ดังนั้นต้องใช้วิธีเผชิญความตายอย่างเดียวกัน คือพิจารณาให้มากๆ

คราว หนึ่ง...พระผู้มีพระภาคได้สนทนากับภิกษุหลายรูป ในเรื่องเกี่ยวกับความตาย ได้ตรัสถามพระเหล่านั้นว่า...เธอทั้งหลาย ได้เจริญมรณสติอยู่หรือเปล่า
ภิกษุ ก็กราบทูลว่า...ได้เจริญอยู่ พระเจ้าข้า
ตรัสถามต่อไปว่า...เจริญอย่าง ไร?
รูปหนึ่งกราบทูลว่า...ชีวิตไม่นานหนอ จะแตกดับภายในวันหนึ่งคืนหนึ่งโดยแท้
รูปหนึ่งทูลว่า...ได้คิดว่าชีวิต จักแตกดับภายในวันหรือคืน
อีกรูปหนึ่งทูลว่า...คิดว่าจะอยู่ได้ไม่เกิน เที่ยงวัน
อีกรูปหนึ่งทูลว่า...ชีวิตนี้จักดำรงอยู่ไม่เกินสามชั่วโมง
อีก รูปหนึ่งทูลว่า...อยู่ไม่เกินชั่วโมง
อีกรูปหนึ่งทูลว่า...ชีวิตนี้น้อยคงอยู่ได้ไม่เกินขณะลมหายใจเข้าออก เท่านั้น

ทรงติทุกรูปว่า ยังประมาทในความตาย ยังคิดว่าตนจักอยู่ได้นานถึงขนาดนั้น ทรงชมเชยรูปที่กล่าวว่าชีวิตนี้มีอยู่ชั่วลมหายใจเข้าหายใจออกเท่านั้น หาอยู่นานไปกว่านั้นไม่ นั่นแหละถือว่าเป็นการเจริญในความคิดเกี่ยวกับความตายโดยแท้ นี้เป็นบทเรียนอย่างยิ่งสำหรับชีวิตเกี่ยวกับความตาย

การคิดถึงความ ตายมิใช่เรื่องของความผิด แต่เป็นเรื่องของความถูกต้อง เป็นเรื่องกระตุ้นเตือนให้เกิดปัญญา เกิดความก้าวหน้าในการประกอบกิจการงาน เพราะเมื่อรู้ว่าอายุเราเป็นของน้อย อาจจะแตกดับลงไปเมื่อใดก็ได้ ก็ควรที่จะได้รีบเร่งประกอบคุณงามความดีต่อไปตามโอกาส


ที่มาของข้อมูล bloggang

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์