การพัฒนาสเต็มเซลล์ที่บริสุทธิ์

วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีที่สูงขึ้นทำให้เราเชื่อว่าหากเราสามารถทำให้สเต็มเซลล์นั้นบริสุทธิ์ได้

ก็จะไม่มีส่วนที่เรียกว่า HLA* (Human Leukocyte Antigen) ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีเครื่องมือที่สามารถทำได้แล้ว ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาสเต็มเซลล์ที่บริสุทธิ์ต่อไป ซึ่งการทำให้บริสุทธิ์นี้แนวโน้มที่จะใช้สเต็มเซลล์จากคนอื่นมารักษาผู้ป่วย (Allogeneic) ก็จะมีโอกาสมากขึ้น แต่ทั้งนี้นักวิจัยเองก็จำเป็นต้องศึกษามากขึ้น

 

การพัฒนาสเต็มเซลล์ที่บริสุทธิ์


เพื่อให้มั่นใจว่าหากเราทำให้บริสุทธิ์แล้วนั้น มีความบริสุทธิ์มากเพียงใด

แน่ใจว่าจะไม่ส่งผลให้เกิด Graft VS Host Disease (GVHD) ตามมาโดยเฉพาะแบบที่เกิดหลังจากการปลูกถ่ายไปนานมากแล้ว เพราะว่าที่ผ่านมาก็มีรายงานว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากผู้อื่น (Allogeneic) เมื่อตอนปลูกถ่ายใหม่ไม่พบความผิดปกติใดๆทั้งสิ้น แต่เมื่อผ่านไปปีกว่าจึงพบว่าเกิดมี Antibody ต่อต้าน HLA ซึ่งตรงนี้ก็น่าจะมาจากการที่มี HLA คงเหลืออยู่ถึงแม้ว่ามีเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเซลล์มีการแบ่งตัวที่มากขึ้น HLA จากคนอื่นก็จะเพิ่มมากขึ้นจนเพียงพอที่จะเกิดการไม่ยอมรับเนื้อเยื่อที่ปลูกถ่ายได้เช่น

การเพิ่มจำนวนสเต็มเซลล์

หากเป็นในส่วนของ Mesenchymal stem cell นั้นก็คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากเป็น Hematopoietic stem cell นั้นเราพบว่าใน In vitro ศักยภาพที่ลดลงจากการเพิ่มจำนวนเนื่องจาก เซลล์จะไประยะ G0 ที่น้อยมากเมื่อเทียบกับ In vivo

กรณีการเกิดมะเร็งจากการใช้สเต็มเซลล์

ข้อนี้คงตอบยากมากและคงจะหาสิ่งที่มาพิสูจน์ว่าสเต็มเซลล์ที่เป็น Adult stem cell นั้นก่อให้เกิดมะเร็งรึไม่ ในระบบ Cell cycle ของร่างกายเองก็มีจุดตรวจความผิดปกติ 2 จุดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น G1/S checkpoint และ G2/M checkpoint แต่ถึงอย่างไรผมเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ อย่างเช่นเซลล์ที่มีปัญหาและอยู่ที่อยู่ระยะ Lating phase G1 เองก็สามารถที่จะหลุดรอดจาก G1/S checkpoint และไปถูกทำลายที่ G2 /M checkpoint แทน ดังนั้นก็เชื่อว่าต้องมีเซลล์ที่มีปัญหาและหลุดรอดจาก G2/M checkpoint ไปได้และเกิดเป็นมะเร็ง แต่ถึงอย่างไรก็คงต้องทำการศึกษาผลตรงนี้ต่อไปเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่แน่ชัดอีกที

การพัฒนาสเต็มเซลล์ที่บริสุทธิ์


สิ่งหนึ่งที่ผมอยากทิ้งท้ายไว้ก็คือ ตามสถิติประชากรไทยมีเพียง 1.31%

เท่านั้นที่ถือว่าเป็นผู้มีรายได้มากกว่า 500,000 บาทต่อปี นั่นหมายความว่าคนไทยกว่า 55 ล้านคนที่เขาก็ควรที่จะมีสิทธิในการรักษา ในการใช้ยา ในการใช้เทคโนโลยีใหม่อย่างสเต็มเซลล์เช่นเดียวกัน ดังนั้นในความจริงที่ว่าเทคโนโลยีสเต็มเซลล์ยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายต้นทุนที่สูงมาก

จึงไม่แปลกที่ผู้ที่จะได้ใช้จะต้องเป็นผู้ที่มีฐานะดีมากคนนึง แต่ที่ผมหวังไว้ก็คืออยากจะเห็นการใช้สเต็มเซลล์ในผู้ป่วยทุกชนชั้นมากกว่าครับ และสุดท้ายเราเป็นคนไทยเหมือนกันก็อย่าหลอกลวงคนไทยพี่น้องเรากันเองเลย หันหน้าจับมือกันทำสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้กันเถอะครับ

* คนจะมี HLA 6 ตำแหน่งซึ่งหากมี HLA ที่ไม่ตรงกันทั้ง 6 ตำแหน่งก็จะทำให้เกิดการไม่ยอมรับเนื้อเยื่อที่ใส่เข้าไป (ยกเว้นกรณีการใช้เลือดจากสายสะดือที่ยอมรับความเหมือนกันได้ 4 ใน 6 ตำแหน่ง)

ขอขอบคุณ สาระดีดี จาก
 
น.สพ.ศุภเสกข์ ศรจิตติ ผู้เขียน และวิชาการ.คอม

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์