นักคณิตฯชาวอังกฤษชี้ ดวงอาทิตย์อ่อนแรง อาจเกิด”มิน ไอซ์เอจ” ในอีก15ปีข้างหน้า

เมื่อเร็วๆ นี้ วาเลนตินา ซาร์โควา ศาสตราจารย์ทางคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยนอร์ธัมเบรีย ในสหราชอาณาจักร อาศัยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์คาดการณ์กว่าภายใน 15 ปีข้างหน้า โลกจะเข้าสู่สภาวะ “มินิ ไอซ์เอจ” หรือ “ยุคน้ำแข็งขนาดจิ๋ว” ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของคนเราอย่างมากต่อเนื่องเป็นระยะเวลามากกว่า 30 ปี

แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ใหม่ของศาสตราจารย์ซาร์โควา ใช้คำนวณกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์ อาทิ การแผ่รังสี การเกิดจุดดับบนดวงอาทิตย์ และอื่นๆ ซึ่งจะค่อยๆ เพิ่มปริมาณและค่อยๆ ลดลงวนครอบรอบเป็นวัฏจักรทุกๆ 11 ปี นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า “วัฏจักรสุริยะ” หรือ “โซลาร์ไซเคิล”

แบบจำลองที่ศาสตราจารย์ซาร์โควา สร้างขึ้นแสดงให้เห็นว่า ในอีก 15 ปีข้างหน้า หรือในช่วงทศวรรษ 2030 กิจกรรมของดวงอาทิตย์จะหายไปราว 60 เปอร์เซ็นต์ นำโลกเข้าสู่สภาวะที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้ระหว่างปี 1645 ถึงปี 1715 ที่นักวิทยาศาสตร์รู้จักกันในชื่อช่วง “มอนเดอร์ มินิมัม” ที่ดวงอาทิตย์หยุดการแผ่รังสีความร้อนและหยุดปล่อยพายุแม่เหล็กออกมา ช่วงมอนเดอร์ มินิมัม เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของยุคที่เรียกกันว่า “ยุคน้ำแข็งขนาดย่อม” หรือ “ลิตเติล ไอซ์เอจ” ในช่วงระหว่างปี 1550-1850 ที่อากาศหนาวจัดปกคลุมทั่วยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย

ที่แตกต่างกันก็คือ ศาสตราจารย์ซาร์โควาระบุว่า มอนเดอร์ มินิมัมที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอีกไม่นานนี้จะมีช่วงการเกิดสั้นกว่า เพียง 3 โซลาร์ไซเคิล หรือแค่ราว 33 ปีเท่านั้น

“มอนเดอร์ มินิมัม” เป็นชื่อที่ จอห์น เอดดี นักดาราศาสตร์สุริยะชาวอังกฤษตั้งเป็นเกียรติแก่ อี.ดับเบิลยู. มอนเดอร์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษในปี 1976 ที่ค้นพบปรากฏการณ์ดังกล่าวร่วมกับกุสตาฟ สปอเรอร์ นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน จอห์น เอดดี นำงานของนักวิทยาศาสตร์ทั้งสองมาศึกษาต่อเนื่อง พบว่าในช่วงก่อนหน้าการเกิด มอนเดอร์ มินิมัม นั้นมีปรากฏการณ์อีกอย่างเกิดขึ้นด้วย เขาเรียกปรากฏการณ์ดังกล่าวว่า “สปอเรอร์ มินิมัม” เพื่อให้เกียรติกับนักวิทยาศาสตร์เยอรมัน

“สปอเรอร์ มินิมัม” คือปรากฏการณ์ที่คาร์บอน-14 ในชั้นบรรยากาศลดลง เพราะไม่มีรังสีคอสมิค (ที่ลดลงเพราะกิจกรรมบนดวงอาทิตย์ลดลง) มาเปลี่ยนไนโตรเจน-14 ให้เป็นคาร์บอน-14 ที่เป็นไอโซโทปกัมมันตรังสีของคาร์บอน ซึ่งจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตเพราะพืชนำมันมาใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างปี 1450-1540 และอยู่ในยุค ลิตเติล ไอซ์เอจ เช่นเดียวกัน

ฟังดูยิ่งน่าวิตกมากขึ้นไปอีก เพราะเมื่อพืชสังเคราะห์แสงไม่ได้ ห่วงโซ่อาหารของสัตว์และมนุษย์จำนวนมากก็ถูกทำลาย

นักวิทยาศาสตร์บางคนไม่เชื่อว่าโลกจะตกอยู่ในภาวะเช่นนั้นในอนาคตอันใกล้ จอร์จ ฟูลเนอร์ รองประธานงานวิจัยวิเคราะห์ระบบโลก ของสถาบันวิจัยการเปลี่ยนแปลงภาวะอากาศแห่งพอทสดัม ยอมรับว่า ภาวะ “โซลาร์ มินิมัม” ทั้งสองอาจส่งผลต่อภูมิอากาศบนโลก แต่ไม่มากจนมีนัยสำคัญ

เหตุผลก็คือ จากการคำนวณพบว่าภาวะมอนเดอร์ มินิมัม ของซาร์โควา จะส่งผลให้โลกเย็นลงเพียง 0.1 องศาเซลเชียส แต่ภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ทำให้โลกร้อนขึ้นในห้วงเวลาเดียวกันมากถึง 1.3 องศาเซลเชียส

อย่างไรก็ตาม องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกาบอกว่า ภาวะดังกล่าวอาจเปลี่ยนรูปแบบการหมุนเวียนของอากาศในชั้นบรรยากาศได้

ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยเพื่อชี้ชัดกันต่อไป

นักคณิตฯชาวอังกฤษชี้ ดวงอาทิตย์อ่อนแรง อาจเกิด”มิน ไอซ์เอจ” ในอีก15ปีข้างหน้า

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์