มันฝรั่งช่วยห้ามเลือด

potato starch) ติดตัวเอาไว้ เพื่อชดเชยแทนเครื่องลางของขลังก็เป็นได้ครับ ทั้งนี้มิได้มีเอาไว้กันเหนียวหรอกครับ หากแต่ว่าเอาไว้ห้ามเลือดต่างหาก

นักวิจัยพบว่า ผงแป้งมันฝรั่งสามารถห้ามเลือดได้ทันที และอาจช่วยให้การผ่าตัดปลอดภัยมากขึ้น เพราะลดการให้เลือด และลดโอกาสเสี่ยงจากการให้เลือด ผลสรุปนี้ได้จากการศึกษาสารช่วยให้เลือดแข็งตัว หรือศัพท์การแพทย์เรียกว่า เฮโมสแตต (hemostat) ที่ผลิตขึ้นจากแป้งมันฝรั่ง ซึ่งผ่านการสกัดให้บริสุทธิ์จนเป็นผงละเอียด เป็นสารช่วยให้เลือดแข็งตัวชนิดใหม่ที่เพิ่งได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ให้ใช้ตัวยานี้ได้ เมื่อปลายปี 2544


มันฝรั่งช่วยห้ามเลือด


ผงมันฝรั่งขนาดจิ๋วเหล่านี้ ทำหน้าที่คล้ายฟองน้ำขนาดเล็ก ช่วยดูดซับเลือดที่ไหลออกมา ไม่ว่าจะเกิดบาดแผลบนผิวหนังภายนอก

หรือแม้แต่การเสียเลือดภายในระหว่างการผ่าตัด และด้วยการลดปริมาณเลือดที่เสียระหว่างการผ่าตัดนี้ นักวิจัยบอกว่า จะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดการจากให้เลือดแก่ผู้รับการผ่าตัดได้นักวิจัยผู้ทำการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ นายแพทย์มาร์ก อีเร็ท แห่งเมโยคลินิก ในโรเชสเตอร์ รัฐมินเนโซต้า เขาเสนอการศึกษาสารเฮโมสแตตตัวนี้ ในการประชุมประจำปีของสมาคมวิสัญญีแพทย์สหรัฐฯ (the American Society of Anesthesiologists) ที่ออร์-แลนโด เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2545

ทีมวิจัยนำผงตัวยามันฝรั่ง มาศึกษาประสิทธิภาพการห้ามเลือด ในอาสาสมัครจำนวน 30 คน ด้วยการกรีดแขนท่อนล่าง ... เพียงให้เป็นแผลเล็กๆ นะครับ

แล้วนำตัวยาใส่ลงบริเวณรอยแผลพร้อมกับกดบาดแผล พบว่าอาสาสมัคร 77% เลือดหยุดไหลทันที ส่วนผู้ไม่ได้รับผงแป้งนี้ เลือดไหลอยู่นาน 6 นาที สรรพคุณของผงแป้งมันฝรั่งมีข้อดีตรงที่ว่า เป็นสารสกัดจากพืช ดังนั้นผู้ได้รับยามีโอกาสเกิดปฏิกิริยาแพ้ได้น้อยกว่าตัวยาที่ผลิตมาจากสัตว์ นายแพทย์มาร์ก บอกว่า ผงแป้งนี้ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่น้อยกว่าสารเฮโมสแตต ตัวอื่นๆ ที่มีการพัฒนาขึ้นมาตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้นราคายังถูกกว่าอีกด้วย

นายแพทย์มาร์ก แนะด้วยว่า ผงแป้งจากมันฝรั่งอาจกลายเป็นสิ่งสำคัญในสนามรบ เพราะทำให้ทหารแต่ละนายสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว หยุดเลือดโดยไม่จำเป็นต้องใช้แรงกดไว้ตลอดเลย ทำให้สามารถรักษาบาดแผลอื่นๆ ได้พร้อมกัน ทีมวิจัยวางแผนศึกษาขั้นต่อไปว่า จะทดสอบประสิทธิภาพของผงแป้งนี้ ในผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดหัวใจ ม้าม และไต เห็นอย่างนี้แล้ว นักวิจัยไทยจะไม่ชำเลืองแลมอง มันสำปะหลังบ้านเราบ้างหรือครับ หรือจะเร่งพัฒนาสมุนไพรของไทยก็ได้ เผื่อว่าจะได้ดังระเบิดเทิดไทย กันไปเล้ยยย!

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์