โรคแพ้สัตว์เลี้ยง

ตามที่มีข่าว นายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ กำลังหาสุนัขประจำทำเนียบขาว แต่มีข้อจำกัดว่า จะต้องเป็นสุนัขที่ไม่กระตุ้นโรคภูมิแพ้ เพราะลูกสาวเป็นโรคภูมิแพ้สุนัขนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์อเมริกันบอร์ดสาขาโรคผิวหนังและภูมิแพ้ผิวหนัง บอกว่า ปัจจุบันพบโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากสัตว์เลี้ยงบ่อยมาก ในสหรัฐ พบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ 15-30% เกิดจากการแพ้สัตว์เลี้ยง ดังนั้นในสหรัฐจึงมีคนแพ้สุนัขและแมวถึงกว่า 10 ล้านคน ด.ญ.มาเลีย ลูกสาวคนโตของโอบามาวัย 10 ขวบ ก็เป็นโรคภูมิแพ้ต่อสุนัข ไม่มีสุนัขพันธุ์ใดที่ไม่กระตุ้นโรคภูมิแพ้ และความเข้าใจที่ว่าโรคภูมิแพ้เกิดจากขนสุนัขนั้นผิด ที่จริงแล้วสารก่อภูมิแพ้ในสุนัขนั้น คือ โปรตีนที่อยู่ในเศษขี้ไคล น้ำลายและฉี่ ซึ่งสุนัขทุกตัวมีโปรตีนเหล่านี้

โรคแพ้สัตว์เลี้ยง


อาการของการแพ้สัตว์เลี้ยง คือ ไอ คันตามีน้ำตาไหล น้ำมูกไหล จามคัดจมูก หายใจลำบาก หอบหืด ผื่นคันที่ใบหน้า คอ แขนขาและลำตัว

อาการเหล่านี้มักกำเริบหลังสัมผัสสัตว์เลี้ยงภายใน 30 นาที แต่ในบางรายก็อาจแสดงอาการในเวลาหลายชั่วโมงอาการแพ้สัตว์เลี้ยงพบบ่อยในผู้ที่ชอบนำสัตว์เลี้ยงมาไว้ในห้องนอน ผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สัตว์ในการทดลอง สัตวแพทย์ ช่างแต่งขนสุนัข  การแพ้สุนัข แมว และม้า มักเกิดจากโปรตีนที่พบในเศษขี้ไคล น้ำลาย และ ฉี่ ส่วนการแพ้กระต่าย หนูแฮมสเตอร์ หนูตะเภา หนูแก็ตสบีนั้น เป็นการแพ้โปรตีนที่อยู่ในฉี่มากกว่า

สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่ต้องการเลี้ยงสุนัขจริง ๆ อาจต้องปรึกษาแพทย์ และไม่ควรให้สุนัขเข้าห้องนอน

เพราะเศษขี้ไคลสุนัขมักสะสมตามหมอน ผ้าปูเตียง และให้ซักผ้าปูที่นอนปลอกหมอนด้วยน้ำร้อนจัด ควรอาบน้ำให้สุนัขทุกสัปดาห์ หรือสัปดาห์ละสองครั้ง เวลาแปรงขนให้สุนัข ควรแปรงในที่โล่งและต้องสวมหน้ากาก ถ้าสุนัขเป็นโรคผิวหนังต้องพาไปหาสัตวแพทย์ ต้องทำความสะอาดเสื้อ ที่นอน และของเล่นของสุนัขอย่างสม่ำเสมอ เครื่องใช้ในบ้านเช่น โซฟา ควรบุด้วยหนังไม่ควรบุผ้า นอกจากนี้ควรล้างมือล้างหน้าหลังเล่นกับสุนัขทุกครั้ง ถ้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงกับสุนัขแล้ว ควรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย การสวมเสื้อให้สุนัขอาจช่วยลดการกระจายของเศษขี้ไคลจากผิวสุนัขลงได้ พื้นบ้านไม่ควรใช้พรมปูพื้นเพราะทำความสะอาดยากและกักเก็บเศษขี้ไคลสุนัข ให้ใช้เป็นพื้นไม้เนื้อแข็งหรือปูกระเบื้องจะทำความสะอาดได้ง่ายกว่า.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์