พระนาม “วชิรุณหิศ” ที่พระราชทานเป็นชื่อถนน แล้วถนนสายนี้อยู่ที่ไหน?


พระนาม “วชิรุณหิศ” ที่พระราชทานเป็นชื่อถนน แล้วถนนสายนี้อยู่ที่ไหน?

"...ถนนสายนี้จะให้ชื่อว่า วชิรุณหิศ เพราะผ่านไปใน ที่ซึ่งตั้งใจจะให้เปนที่บ้านของเขา..."

ข้อความข้างต้น มาจากพระราชหัตถเลขาของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้กับเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ผู้บัญชาการกรมศุขาภิบาล เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ร.ศ. 118 (พ.ศ. 2442) เรื่อง การตัดถนนในบริเวณสวนดุสิต โดยทรงขอให้ตัดถนนเพิ่มอีกเส้นหนึ่ง นอกบริเวณสวนดุสิตปีพุทธศักราช 2421

สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี ทรงมีพระประสูติกาล สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้นเมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอฯ มีพระชันษา 3 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงซื้อที่นาและสวนทางทิศตะวันออกของพระนคร เพื่อพระราชทานแด่พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ โดยเริ่มสร้างวังเมื่อ พ.ศ. 2424 ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระราชโอรสพระองค์นี้ขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ในปี พ.ศ. 2429 แต่มิทันที่สยามมกุฎราชกุมารพระองค์นี้ จะเสด็จไปประทับ ณ วังใหม่ สวรรคตด้วยพระโรคไข้รากสาดน้อย ในปี พ.ศ. 2437 ขณะที่มีพระชันษาเพียง 17 ปี

การก่อสร้างวังยังคงดำเนินต่อไปจนแล้วเสร็จ โดยชาวบ้านทั่วไปเรียกขานกันว่า วังใหม่ หรือวังกลางทุ่ง ตามทำเลที่ตั้ง เนื่องจากเป็นอาคารถาวรขนาดใหญ่ จึงตั้งมั่นคงเป็นที่รู้จัก กลายเป็นประจักษ์พยานสำคัญของการพัฒนาเมืองและสถาปัตยกรรมไทย



สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร

--
การสวรรคตของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศฯ ได้พาความโทมนัสโศกาอาดูรมาสู่ สมเด็จพระบรมชนกนาถและพระชนนีอย่างใหญ่หลวง แม้เวลาจะผ่านเลยมากว่า 15 ปี ความอาดูรนั้น มิได้ห่างหายไปจากพระราชหฤทัยแม้แต่น้อย ดังเห็นได้จากแนวพระราชดำริในปี พ.ศ. 2442 ที่ให้ตัดถนนใหม่บริเวณปทุมวัน และพระราชทานนามถนนนี้ว่า ถนนวชิรุณหิศ ซึ่งแสดงถึงความอาลัยที่ทรงมีต่อพระราชโอรสพระองค์นี้

...อยากจะขอเติมขึ้นใหม่อีกสายหนึ่ง คือระยะตั้งแต่ถนนกรุงเกษม[3] ออกไปจนถึงถนนนิวแมน [4] ตามถนนประทุมวัน [5] ไม่มีถนนขวางเลยเกือบ 100 เส้น ถ้าผู้ซึ่งอยู่ถนนประทุมวันจะไป สเตชั่นรถไฟปากน้ำ[6] ก็ต้องอ้อมไปทางถนนนิวแมนฤามาทางไกลมาก ควรจะตัดถนนขวางอิกสายหนึ่ง จากถนนวัวลำพอง[7] ผ่านข้างวังกลางทุ่ง[8] แล้วผ่านถนนประทุมวันไปตกคลองบางกปิ[9] แล้วข้ามคลองบางกปิไปบรรจบถนนประแจจีน [10] ซึ่งจะยืนออกไปประทุมวัน ถ้าตัดได้เช่นนั้น ผู้ซึ่งอยู่ตามแถบข้างล่าง คือ ถนนสุรวงษ เปนต้น จะไปสวนดุสิตใกล้กว่าที่จะอ้อมเข้ามาทางในเมือง...[11]

จากแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในการตัดถนนเส้นใหม่ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ มีหนังสือกราบบังคมทูลตอบพระราชหัตถเลขา เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ร.ศ. 118 (พ.ศ. 2442) ว่า

...ถนนวชิรุณหิศซึ่งจะตัดใหม่ ข้าพระพุทธเจ้าได้สั่งให้ช่างในกรมศุขาภิบาล ตรวจทำแผนที่ตามแนวแผนที่เดิม ที่พระเจ้าน้องยาเธอกรม หมื่นสมมตอมรพันธ์ทรงขีดไว้ แลให้ตรวจข้ามคลองบางกะปิไป ประมาณสัก 20 เส้น พอที่จะบันจบถนนประแจจีน ตอนล่างก็ให้ตรวจเลยข้ามถนนวัวลำพองไปจนถึงถนนสุรวงษ ด้วยเห็นด้วยเกล้าฯ ว่าจะมีประโยชน์ที่ชักหนทางให้สั้นเข้าอีก ไม่ตรงไปถนนนิวแมนก่อน เมื่อตรวจทำแผนที่ตลอดแล้ว จะได้ทำงบประมาณยื่นให้ทันกำหนด พร้อมกันทั้ง 2 สาย แต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปนถนนขนาดกว้างเท่าใด ยังไม่ทราบเกล้าฯ ด้วยตามจดหมายพระสถิตย์นิมานการ ยื่นแก่ข้าพระพุทธเจ้า ได้ความว่าถนนประแจจีนเรียวแต่ 10 วา ประจบ 6 วา...[12]

นอกจาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชวินิจฉัยเกี่ยวกับความยาวและความกว้างของถนน โดยให้เปรียบเทียบขนาดกับถนนประแจจีน และเป็นไปตามงบประมาณที่มีอยู่ รวมทั้งพระราชทานแนวคิดในเรื่องอื่นๆ ได้แก่ รูปแบบถนน ท่อระบายน้ำ การซ้อนทับกับที่ของพระคลังข้างที่และที่เอกชน สภาพพื้นที่และการสำรวจพื้นที่ ประโยชน์ระยะยาวของการตัดถนน เป็นต้น โดยกำชับให้ผู้เกี่ยวข้องต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

...ถนนวชิรุณหิศตามที่ได้มีคำสั่งให้ลงมือตรวจ ข้ามคลองบางกปิไปประมาณสัก 20 เส้น แลข้ามคลองวัวลำพองไปประจวบถนนสุรวงษนั้น ต้องกับความคิดซึ่งได้คิดขึ้นได้ เมื่อไปยืนดูแผนที่หลังห้องประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีนี้ แต่การที่จะตรวจนั้น ขอให้ตรวจตั้งแต่ถนนวัวลำพองมาข้ามคลองบางกปิบรรจบถนนประแจจีนเท่านั้นก่อน ส่วนที่จะข้ามคลองวัวลำพองไปถนนสุรวงษนั้นขอให้งดไว้ก่อน...[13]

...ส่วนถนนวชิรุณหิศ เดิมกรมสมมต[14] กะไว้ 4 วา ก็ควรจะแก้ให้เปนถนนขนาดเดียวกันกับประแจจีน แลทำด้วยวิธีอย่างเดียวกัน[15]

...กำหนดกว้างของถนนประแจจีนที่ได้กะไว้ให้พระสถิตยคิดราคาแต่ก่อน ตอนต้นต่อคอเสื้อ [16] 10 วา แล้วเรียวไปจนปลายที่ข้ามประทุมวันเพียง 6 วา การที่คิดเช่นนี้ด้วยจะเขม็ดแขม่เงิน เพราะหมายจะทำในปลายปีนี้ แต่บัดนี้ หักใจได้เสียว่า รอไว้ทำต่อปีน่าทีเดียว แลมีเงินเท่าใดก็ทำเท่านั้น ดังนี้ จึงเหนว่าไม่ควรที่จะทำเรียว ต่อไปภายน่าจะแก้ไขลำบาก...[17]

...ควรจะทำเต็มที่ตามขนาดถนนของกระทรวงโยธา แต่จะใช้เพียงชั้นที่ 2 คือ ขนาดถนนดินสอ ก็ควรเพราะเปนถนนออกไปกลางทุ่ง มีทางรถไฟคั่นเปนเขตรอยู่แต่อย่างใดๆ ก็ดี ไม่ควรจะคิดก่อท่อ ขอให้ใช้ขอบถนนสูงปลูกหญ้า จะเปิดน้ำให้เดินทางใดก็เซาะร่องเอาเช่นถนนดวงตวัน[18] เถิด หาไม่เปลืองเงินนัก...[19]

พระนาม “วชิรุณหิศ” ที่พระราชทานเป็นชื่อถนน แล้วถนนสายนี้อยู่ที่ไหน?

1.แผนที่กรุงเทพฯ พ.ศ. 2439 แสดงบริเวณตำบลประทุมวัน เห็นวังใหม่และพื้นที่โดยรอบ 2. แผนที่กรุงเทพฯ พ.ศ. 2475 เปรียบเทียบพื้นที่บริเวณเดียวกัน
----
...ถ้าหากว่าจะมีประโยชน์เพราะตัดถนนนั้น คงจะเปนประโยชน์แก่พระคลังข้างที่มาก เพราะที่แผ่นดินตั้งแต่ถนนวัวลำพองไปจนถึงคลองบางกปิ เปนที่พระคลังข้างที่ทั้งนั้น ต่อเมื่อข้ามฟากขึ้นไปทางเหนือจนบรรจบถนนประแจจีน จึงเปนที่ของผู้อื่น ดูเหมือนจะอยู่ในราวสวนกรมหมื่นภูธเรศ แต่เวลาแรกๆ นี้ พระคลังข้างที่คงไม่ได้ประโยชน์อันใด เพราะจะทำโรงแถวฤาบ้านให้เช่าก็คงไม่มีคนอยู่ แต่ส่วนข้างสดวกแก่รัฐบาลนั้น ได้ที่ทำถนนเปล่าๆ ไม่ต้องติดขัดอย่างหนึ่งอย่างใด แลถ้ามีถนนรอบนี้ขึ้นได้ ก็เปนอันขยายพระนคร กว้างออกอีกชั้นหนึ่ง การไปมาสดวกขึ้นเหนว่าควรจะเอาเปนความคิดติดต่อกับถนนประแจจีน งานที่ทำนั้นคงต้องเปนงานแรมปีค่อยทำค่อยไป

1.แผนที่กรุงเทพฯ พ.ศ. 2439 แสดงบริเวณตำบลประทุมวัน เห็นวังใหม่และพื้นที่โดยรอบ 2. แผนที่กรุงเทพฯ พ.ศ. 2475 เปรียบเทียบพื้นที่บริเวณเดียวกัน

ถนนสายนี้ คงจะเปนระยะทางประมาณสัก 80 เส้น กรมหมื่นสมมตได้ขีดแผนที่ไว้แต่ปีกลายนี้ แต่ครั้งจะสั่งขึ้นงบประมาณ ก็เหนว่าเงินกรมโยธาฝืดเคืองอยู่ จึงได้งดไว้ก่อน ถนนสายนี้ ก็ขอให้เปนการของกรมศุขาภิบาลเหมือนอย่างถนนประแจจีนนั้นด้วย คือให้กรมศุขาภิบาลเซอเวแลกะงบประมาณทำการเหมือนถนนทั้งปวง

การที่คิดเหมือนเอาเปรียบเช่นนี้ เพราะว่าถ้าถนนนี้แล้วเสร็จ ก็ไม่ผิดกันกับถนนนิวแมน คงจะซึ้งๆ ชั่วแต่เปนทางคนเดิน จะทำด้วยพระคลังข้างที่ก็อยู่ข้างจะหนักหนา เพราะคงจะไม่มีราคาเหมือนถนนสุรวงษแลถนนสารทร

ขอให้เจ้าพนักงานมาดูเส้นขีดในแผนที่ที่กรมหมื่นสมมตสำหรับจะได้เซอเว การเซอเวก็ง่ายเพราะเปนสวนจีนปลูกผักปลูกอ้อย ไม่มีต้นไม้กีดบังทางกล้อง จะจับตรวจแต่ในฝั่งคลองบางกปิฟากนี้ก่อนก็ได้...

เรื่องราวของ ถนนวชิรุณหิศ ถนนสายหนึ่งในพระนครนั้น เมื่อพิจารณาจากแผนที่กรุงเทพฯ และเส้นทางของถนนที่เชื่อมบรรจบกับถนนสายต่างๆ สันนิษฐานได้ว่าน่าจะเป็น ถนนพญาไท ในปัจจุบัน แม้ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานว่าต่อมาได้มีการตัดถนนวชิรุณหิศจริงหรือไม่ ชื่อนี้เลือนหายไปเมื่อใด และถนนเส้นนี้คือถนนพญาไทใช่หรือไม่

นอกจากนี้ กลับพบหลักฐานปรากฏในเวลา 10 ปีต่อมา เป็นร่างหมายรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงเจ้าพระยายมราช เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตัดถนนขึ้นใหม่ชื่อ ถนนพญาไท มีความว่า

...ถนนพระคลังข้างที่ จะตัดต่อถนน 4 พระยา ถึงถนนประแจจีน เพื่อจะให้ชื่อประ...[ต้นฉบับเลือน]...ถนน 4 พระยา นี้เป็นพระยาเดียว ให้เรียกว่า "ถนนพญาไท" ไนยหนึ่งได้ความว่าถนนนั้นมาออกที่สวนตำบลพระยาไท อีกไนยหนึ่งได้ความว่าเป็นถนนที่พระราชาเป็นไทฤาพระราชาของไท ถ้าลงมือเมื่อไรให้ปักชื่อคงเรียกได้ง่าย

เครดิตแหล่งข้อมูล : silpa-mag.com


พระนาม “วชิรุณหิศ” ที่พระราชทานเป็นชื่อถนน แล้วถนนสายนี้อยู่ที่ไหน?

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์