ย้อนเหตุการณ์เผากงศุลไทยในเขมร คนไทยโกรธ แต่ในหลวงขอให้เราเป็นพระเอก

เหตุจลาจลเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา
*เหตุการณ์เกิดเมื่อ 29 ม.ค. 2546


เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 29 ม.ค.2546 ชาวเขมรนับร้อยคนบุกเข้าไปในสถานทูตไทยริมถ.โรดม กลางกรุงพนมเปญ และบุกเข้าไปทำลายข้าวของและเผาอาคารสถานทูตซึ่งทำด้วยไม้สูง 2 ชั้น จนถึงเวลา20.00 น. เพลิงยังโหมลุกไหม้อยู่โดยไม่มีรถดับเพลิงดับไฟ

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ขณะชาวเขมรบุกเข้าไปในสถานทูตนายชัชเวทย์ชาติสุวรรณ เอกอัครราชทูตไทย และเจ้าหน้าที่จำนวน 16 คน พากันหนีตายอย่างไม่คิดชีวิต โดยทั้งหมดวิ่งออกไปทางด้านหลังและปีนรั้วออกไปหลบไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว

อีกด้านหนึ่งสำนักข่าวเอเอฟพี.รายงานว่า ผู้ประท้วงชาวกัมพูชาราว 100 ได้เข้าไปยึดอาคารสถานทูตหลังจากตำรวจได้ยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าราว 10 นัดเพื่อขับไล่ผู้ประท้วงราว 1,000 คนที่ชุมนุมอยู่หน้าสถานทูตไทยซึ่งตั้งห่างจากกระทรวงมหาดไทยไม่ถึง 100 เมตร นอกจากนี้ทางการยังได้สั่งเสริมกำลังตำรวจเพื่อสลายกลุ่มผู้ประท้วง

* การตอบโต้ของไทย-ทันควัน / ม็อบไทยเตรียมบุกสถานทูตเขมร
เตรียมเครื่อง ซี.130 รับคนไทยกลับ
ข่าวออกมาว่า ชาวเขมรการเผา ทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ในสถานทูต


29 ม.ค. 46 ผู้จัดการออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมฝ่ายความมั่นคง ด่วน ฝ่ายกลุ่มประชาชนผู้รักชาติไทยเตรียมพร้อมชุมชุมหน้าสถานฑูตเขมรในไทยวันนี้

รายงานข่าวจากฝ่ายข่าวกรองของไทย แจ้งว่า ภายหลังเกิดเหตุการณ์จราจลในเขมรจากนักศึกษาที่บุกเผาทำลายสถานฑูตไทย และร้านค้าไทยในเขมร ขณะนี้นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เรียกประชุมคณะทำงานด้านความมั่นคงทั้งหมด เพื่อหารือถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะพ.ต.ท.ทักษิณ จะแถลงข่าวในช่วงเที่ยงคืนนี้

ขณะที่ประชาชนไทยผู้รักชาติกลุ่มหนึ่งที่ทราบข่าวเตรียมที่จะชุมนุมประท้วงหน้าสถานฑูตกัมพูชาในไทย เวลา 9.00 น. วันพรุ่งนี้ (30ม.ค.) โดยจะมีการเผาธงชาติของกัมพูชาเป็นการตอบโต้ด้วย

30 ม.ค. 2546
- ไทยส่งเครื่องบินรับคนไทยกลับ
- ม็อบคนไทยตอบโต้ที่สถานทูตเขมรส่อบานปลาย

30 ม.ค. 46
กลุ่มคนไทยคลั่งเผาทำลายธงชาติเขมรตอบโต้ พร้อมพังแนวกั้นรั้วเหล็กของเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณหน้าสถานทูตกัมพูชา บุกเข้าไปทำลายป้ายด้านหน้าสถานทูตฯ ต่อมา จนท.ตร.เข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมจนเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งในตอนบ่ายจะมีตัวแทนนักศึกษาจากสหพันธ์นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) จะเดินทางมาสมทบกับผู้ชุมนุมอีกเป็นจำนวนมาก

ความคืบหน้าการชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ล่าสุดมีผู้ชุมนุมเดินทางมาสมทบแล้วเกือบ 200 คน ทำให้การจราจรบริเวณ ถ.ราชดำริ ด้านหน้าสถานทูตสามารถใช้การได้เพียงช่องทางเดียว แต่ก็ยังเคลื่อนตัวได้ต่อเนื่อง โดยขณะนี้ผู้ชุมนุมได้นำธงชาติไทยขึ้นไปแขวนบนเสาไฟฟ้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ ขณะเดียวกันได้ทยอยเผาทำลายและปัสสาวะรดธงชาติกัมพูชา เพื่อตอบโต้การเผาสถานทูตไทย ตลอดจนธุรกิจไทย ในกรุงพนมเปญ

ต่อมา เหตุการณ์บริเวณหน้าสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยได้ตกอยู่ในความตึงเครียด เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่ชุมนุมอยู่หน้าสถานทูตได้พากันพังแนวกั้นรั้วเหล็กของตำรวจ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถต้านทานได้ และบุกเข้าไปทำลายป้ายด้านหน้าสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย และมีการรื้อถอนป้ายนี้ออกจากบริเวณสถานทูต รวมทั้งตัวอักษรที่เขียนว่า Royal Embassy of Cambodia ที่บริเวณด้านหน้าสถานทูต ก็ได้ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเข้าไปรักษาความสงบด้วยการกันผู้ชุมนุมออกจากบริเวณด้านหน้าสถานทูต ซึ่งขณะนี้เหตุการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมได้ออกไปอยู่บริเวณถนนราชดำริ ซึ่งการจราจรติดขัดอย่างมาก

นอกจากนี้ มีรายงานข่าวว่า อีกสักครู่ตัวแทนนักศึกษาจากสหพันธ์นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) จะเดินทางมาสมทบกับผู้ชุมนุมที่บริเวณด้านหน้าสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (30 ม.ค.) ที่หน้าสถานทูตกัมพูชา ถนนราชดำริ ล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. ประชาชนที่เข้ามาชุมนุมได้เพิ่มจำนวนนับร้อยคนแล้ว เนื่องจากไม่พอใจภาพเหตุการณ์ที่ผู้ประท้วงชาวเขมรกระทำการอันมิควรแก่พระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งแกนนำผู้ชุมนุมมั่นใจว่าในตอนเย็นจะมีผู้มาสมทบอีกมากมาย โดยตอนนี้ได้มีการปิดถนนราชดำริจนทำให้การจราจรเป็นอัมพาต และผู้ชุมนุมได้ช่วยกันดันและดึงรั้วเหล็กของตำรวจจนสามารถเข้าไปถึงหน้าสถานทูตกัมพูชาได้แล้ว และช่วยกันแกะป้ายสถานทูตออก พร้อมขว้างปาสิ่งของเข้าไปด้านใน

โดยผู้ชุมนุมที่ถือว่าตนเป็นผู้เสียสละเวลาเพื่อชาติ ได้ร้องเพลงสดุดีมหาราชา และผลัดกันขึ้นกล่าวปราศรัย โดยเรียกร้องให้สื่อมวลชนไทยลงข่าวปลุกระดมให้นายจ้างชาวไทยไล่แรงงานเขมรออกไปให้หมด และกล่าวว่ากัมพูชาไม่หวังดีกับประเทศไทย เพราะที่ผ่านมาไทยช่วยเหลือเขมรมาตลอดแต่กลับได้รับการกระทำเช่นนี้ พร้อมกันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้เผาป้ายประท้วงที่มีข้อความว่า "ไอ้พวกชาติต้องคำสาป แผ่นดินมันต้องลุกเป็นไฟ"

นอกจากนี้ ในช่วงหลังได้มีผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งอ้างว่า เดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ เพราะทนไม่ได้ที่เห็นประเทศไทยถูกย่ำยี แล้วตะโกนยั่วยุให้ผู้ชุมนุมบุกเข้าทำลายสถานทูตกัมพูชาเพราะถือว่าเป็นแผ่นดินไทย แต่ไม่มีผู้ชุมนุมคนใดสนใจการเรียกร้องดังกล่าว

ล่าสุด ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้ถ่ายเอกสารภาพข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศแห่งหนึ่ง ที่ลงภาพผู้ประท้วงชาวเขมรบางกลุ่มนำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากระทำการอันมิควรมาแจกให้กับผู้อยู่ในเหตุการณ์หน้าสถานทูตกัมพูชา และจะแจกประชาชนบนรถเมล์ที่ผ่านมาด้วย ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าไม่น่าจะจบง่ายๆ เพราะเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้

ทั้งนี้ บริเวณโดยรอบมีไทยมุงจำนวนมากมาเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยความสนใจ แต่ยังไม่ได้มีทีท่าเข้าร่วมอะไรแม้จะไม่พอใจการกระทำของชาวเขมรก็ตาม ส่วนถนนราชดำริมีสภาพการจราจรติดขัดเพราะเหลือช่องทางการจราจรเพียง 1 เลน อีกทั้งรถที่แล่นผ่านต่างพากันชะลอดูเหตุการณ์ด้วยความสนใจ

นอกจากนี้ มีรายงานจากการเปิดเผยของแกนนำนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง ระบุว่า นักศึกษารามคำแหงจำนวนกว่า 1,000 คน จะเดินทางมาสมทบ และร่วมประท้วงเพื่อแสดงพลังรักชาติ และเป็นการตอบโต้กลับต่อการกระทำอันป่าเถื่อนของคนเขมรในช่วงบ่ายวันนี้ด้วย

อนึ่ง เหตุการณ์นี้เป็นที่สนใจของประชาชนไทยเป็นมาก ทั้งจากสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ต จนทำให้เว็บไซต์ของผู้จัดการออนไลน์มีปัญหาเพราะมีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก

31 ม.ค. 2546 พระราชกระแสสลายม็อบหน้าสถานทูตเขมร
- เป็นผู้ดีอยู่ อย่าทำตัวให้กลายเป็นผู้ร้าย


กรุงเทพฯ 31 ม.ค.- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยประชาชนและบ้านเมือง มีรับสั่งเราเป็นพระเอก เป็นผู้ดีอยู่ อย่าทำตัวให้กลายเป็นผู้ร้าย ทรงรับรู้ความเคลื่อนไหวของประชาชนคนไทยทุกประการแล้ว

ด้านนายกรัฐมนตรี ขอร้องผู้ชุมนุมหน้าสถานทูตกัมพูชา อย่าเลียนแบบการกระทำที่โง่เขลา ด้วยการก่อเหตุรุนแรง รัฐบาลได้กดดันกัมพูชาอย่างที่สุดแล้ว ขอเวลาศึกษากฎหมายเอาคนผิดมาลงโทษในไทย เพราะโทษสูงถึงจำคุกตลอดชีวิต ขณะที่คนไทยชุดสุดท้ายจากพนมเปญ 192 คน กลับถึงไทยโดยปลอดภัย ส่วนผู้เสียชีวิตในพนมเปญ ไม่ใช่คนไทย หนังสือพิมพ์รัศมีนครยอมรับเป็นผู้เสนอข่าวที่เป็นต้นเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้น และยอมรับว่าผู้ที่ให้ข่าวอาจเข้าใจผิด ขณะที่ โฆษกรัฐบาลกัมพูชา ออกมาตำหนิหนังสือพิมพ์ที่ไร้จรรยาบรรณ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยคนไทยอย่าทำตัวเป็นผู้ร้าย

หลังจากนายจาตุรนต์กล่าวจบ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้ขึ้นกล่าวกับผู้ชุมนุมว่า ก่อนที่ตนจะเดินทางมาที่นี่ นายอาสา สารสิน ราชเลขาธิการ ได้โทรศัพท์มาถึงตน บอกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ ไปพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล และขณะนี้นายกรัฐมนตรีกำลังเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยู่ ซึ่งพระองค์ทรงห่วงใยประชาชนและห่วงบ้านเมือง มีรับสั่งว่า ขณะนี้เราเป็นพระเอก เป็นผู้ดีอยู่แล้ว อย่าทำตัวให้กลายเป็นผู้ร้าย ขอให้ ผบ.ตร.พูดกับประชาชนคนไทยผู้รักชาติด้วยว่า พระองค์ทรงห่วงใย ทรงรับรู้ความเคลื่อนไหวของประชาชนคนไทยทุกประการแล้ว

พล.ต.อ.สันต์ กล่าวด้วยว่าการที่ผู้ชุมนุมระบุว่าจะเผาทำลายสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยนั้น ต้องขอแจ้งให้ทราบว่า สถานทูตกัมพูชาสร้างด้วยเงินของคนไทยดังนั้น อย่าทำลายเพราะเป็นของคนไทยทุกคน และเรียกร้องให้คนไทยช่วยเป็นหูเป็นตา บอกเบาะแสคนกัมพูชาที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
"ถ้าใครทราบว่าคนกัมพูชาที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ใครรู้ว่าอยู่ที่ไหนก็ให้แจ้งมา ตำรวจจะโยนกลับไปเขมรให้ เอากลับไปให้หมด อยู่ที่นี่ก็ไว้ใจไม่ได้ ตำรวจขอความร่วมมือประชาชนเป็นหูเป็นตาให้ด้วย จะจับใส่รถบรรทุกไปโยนให้ดูเลย"

จากนั้น พล.ต.อ.สันต์ ได้เป็นผู้นำร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และแจ้งให้ผู้ชุมนุมแยกย้ายกันกลับ โดยมีผู้ชุมนุมบางส่วนกลับไป แต่ส่วนใหญ่ยังปักหลักชุมนุมอยู่ และมีบางส่วนมาสมทบอีก ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเวลา 17.40 น.ได้มีการเปิดการจราจรหน้าสถานทูตกัมพูชาตามปกติแล้ว ต่อมา พล.ต.ต.ไพบูลย์ อาริยวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้ขึ้นกล่าวกับผู้ชุมนุมอีกครั้งว่า พล.ต.อ.สันต์ได้นำเรื่องที่ผู้ชุมนุมได้ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กราบบังคมทูลแล้ว ซึ่งพระองค์ทรงทราบแล้ว และรับสั่งขอบใจคนไทยทุกคนที่อยู่ที่นี่ และขอให้เดินทางกลับด้วยความสวัสดิภาพ - สำนักข่าวไทย

สื่อต่างชาติชื่นชมพระบารมีแก้ปัญหา

การที่ม็อบประท้วงสลายตัวในทันทีนั้น สำนักข่าวทั่วโลกรายงานตรงกันด้วยความตื่นเต้นเหลือเชื่อ

บารมีในหลวงสลายจลาจล...


BBC: เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่ในหลวงออกมายุติความขัดแย้งทางการเมือง


รอย เตอร์: น้อยครั้งจะได้เห็นการออกมายุติความขัดแย้งทางการเมืองของในหลวง(คิงภูมิพล) ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลกในขณะนี้

4 ก.พ. 2546 - โปรดเกล้าฯ ทูตเขมรเฝ้า ฟื้นฟูสัมพันธ์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา นำพระราชสาส์นของ "สมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ" เข้ากราบบังคมทูลฯ ในช่วงค่ำวันนี้ โดยเดินทางถึงท่าอากาศยานดอนเมืองด้วยเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เที่ยวบินทีจี-911 เวลา 10.30 น

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ (3 ก.พ.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ นายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา นำพระราชสาสน์ของ สมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ เข้ากราบบังคมทูลฯ ในช่วงค่ำวันนี้ โดยให้ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้นำเข้าเฝ้าฯ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นในกัมพูชามีมากกว่า 1,000 ล้านบาท

สำหรับกำหนดการในวันนี้ (4 ก.พ.) นายฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศของกัมพูชา ที่จะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อแสดงความขอโทษและชี้แจงถึงเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นกับสถานเอกอัครราชทูตไทยและกิจการธุรกิจของคนไทยในกรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 29 ม.ค.

ทั้งนี้ นายฮอร์ นัม ฮง จะเดินทางถึงท่าอากาศยานดอนเมืองด้วยเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เที่ยวบินทีจี-911 เวลา 10.30 น. จากนั้นจะเข้าพบหารือกับนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศ ที่ ก.ต่างประเทศ เวลา 13.00 น. และเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 15.00 น. และจะเดินทางต่อไปยังประเทศญี่ปุ่นในวันพรุ่งนี้

นอกจากนี้ นายฮอร์ จะมีการชี้แจงข้อเท็จจริงและแนวทางในการแก้ปัญหา เบื้องต้นกัมพูชามีการตั้งกรรมการ 4 ชุด คือ กรรมการดำเนินคดี กรรมการฟื้นฟูความสัมพันธ์ 2 ประเทศ กรรมการความเสียหายภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ความเสียหายจะค่อยๆ ประเมิน โดยกัมพูชาให้ความมั่นใจว่าจะทำอย่างโปร่งใส ส่วนการรักษาความปลอดภัยในอนาคตนั้นเป็นหน้าที่ของกัมพูชา ซึ่งนานาประเทศจับตาดูอยู่ มิฉะนั้นจะส่งผลเสียต่อกัมพูชาเอง

อย่างไรก็ตาม รมว.ต่างประเทศ ยังเปิดเผยต่ออีกว่า กำหนดการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศกัมพูชา ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในช่วงเดือน มี.ค.นี้ จะเลื่อนออกไปก่อน

11 ก.พ. 46 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงชื่นชมคนไทยว่า "น่ารัก" ที่ยอมสลายการชุมนุมหน้าสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยอย่างสงบเรียบร้อย


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงชื่นชมคนไทยว่า "น่ารัก" ที่ยอมสลายการชุมนุมหน้าสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยอย่างสงบเรียบร้อย หลังจากได้รับทราบพระราชกระแสรับสั่งผ่านทาง พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในโอกาสที่นำรัฐมนตรีที่มีการปรับตำแหน่งใหม่ เข้าเฝ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) ที่วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระกระแสรับสั่งถึง เหตุการณ์จลาจลในกรุงพนมเปญ และสถานทูตไทยถูกเผาทำลาย เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา โดยทรงแสดงความชื่นชมคนไทย ที่ชุมนุมบริเวณหน้าสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยว่า "น่ารัก ยอมสลายการชุมนุมโดยสันติ" เมื่อ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อัญเชิญพระราชกระแสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปแจ้งให้ทราบ

"ทรงรับสั่งว่า ประชาชนคนไทยน่ารัก ที่เมื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้อัญเชิญพระราชกระแสไป ความรุนแรงต่างๆ ก็ไม่เกิดขึ้น เชื่อฟัง และสลายตัวกันไปด้วยความน่ารัก เพราะหากเราไปทำอะไรรุนแรงก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
" นายกรัฐมนตรี กล่าว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปอีกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งถึง เรื่องที่ผู้แทนของ "สมเด็จนโรดม สีหนุ" นำพระราชสาสน์มาถวายว่า ทางกัมพูชามีความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีความตั้งใจที่จะแก้ไขเยียวยาเต็มที่ เพื่อฟื้นความสัมพันธ์ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องมาคิดต่อว่า จะทำอย่างไรจึงจะเหมาะสม ซึ่งการเจรจานั้นมีขั้นตอนอยู่แล้ว

ย้อนเหตุการณ์เผากงศุลไทยในเขมร คนไทยโกรธ แต่ในหลวงขอให้เราเป็นพระเอก

ที่มา คุณบัณรส บัวคลี่ 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์