พิสูจน์ตำนานการเล่าเรื่องผีร้อยเรื่อง ตอนที่ 1

เนื้อเรื่องยาวนิดหน่อย ใครอ่านไม่ไหวก็ไม่ต้องอ่านนะ กรุณาโพสด้วยข้อความที่สุภาพด้วยค่ะ

ชั่วโมงพิศวง พิสูจน์ตำนานการเล่าเรื่องผีร้อยเรื่อง ที่เชื่อกันว่าจะทำให้ประตูวิญญาณเปิดออก และพบวิญญาณ จะเป็นจริงหรือไม่

เวลา 18.00 น. อาสาสมัคร 100 คนก็มาถึงสุสานมูลนิธิปอเต็กตึ้ง บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นสากศพ ทำให้เหล่าอาสาสมัครต่างหวาดผวา

ผู้เข้าร่วมพิสูจน์ในครั้งนี้ต้องนั่งล้อมรอบเป็นวงกลม และให้เทียนคนละ 1 เล่ม โดยเริ่มต้นเล่าเรื่องตั้งแต่หมายเลข 1-100 โดยถ้าถึงหมายเลขตน ต้อง เดินมาเล่าตรงกลางให้ทุกคนได้ฟัง หากเล่าจบแล้วก็ดับเทียนของตนด้วยที่ครอบ และกลับไปนั่งที่เดิม

เวลา 19.09 น. พิธีการก็ได้เริ่มขึ้น อาจารย์ก็ทำพิธี เริ่มนำสวดมนต์ และบทสวดเรียกวิญญาณทั้งหลายบริเวณสุสาน และเริ่มเล่าตั้งแต่คนที่ 1 แต่พอเล่าไปไม่นาน ฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะตก ก็เริ่มโปรยปราย ดั่งกับว่าเป็นคำเตือนของอำนาจสึกลับบางอย่าง แต่ถึงกระนั้นอาสาสมัคร 100 คนก็ยังคงยืนหยัดกลางสายฝน ร่วมพิสูจน์ตำนานอย่างไม่หวั่นเกรงและผลัดกันขึ้นมาเล่าตามหมายเลข แสงสว่างของเปลวเทียนค่อยๆถูกดับลงทีละเล่มเมื่อเล่าเสร็จ

จนถึงลำดับที่ 15 เหตุการณ์บางอย่างก็เกิดขึ้น มีอาสาสมัครท่านนึงมีอาการเหมือนมีสิ่งใดเข้า และใช้มือทุบพื้นอย่างแรง (ด้วยอาการโกรธ) และพูดพร่ำ จากเหตุการณ์นั้นทางทีมงานจึงได้นำของเซ่นไหว้ไปยังทางสามแพร่งบริเวณหลุมศพ เพื่อเซ่นดวงวิญญาณของสัมพเวสีที่สิงอยู่บริเวณสุสาน

เมื่อเหตุการณ์สงบทางทีมงานถามอาสาสมัครว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เห็นแสงไฟ มันลอยแว็บๆ และก็เห็นเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลัง และรู้สึกวูบๆ นั่งกระสับกระส่าย พักนึงและก็ไม่รู้สึกตัว และไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกมา เมื่อกี้เอามือทุบพื้นแรงๆ เจ็บมั๊ยครับ ไม่ค่ะ

สิ่งที่เกิดขึ้นเรายังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ละคนไม่กล้าที่ออกความคิดเห็น อย่างไรก็ตามไม่ควรไปลบหลู่ และการเล่าเรื่องผีก็ยังคงดำเนินต่อไป

เรื่องจากอาสาสมัครวัยกลางคนท่านหนึ่งก็เริ่มเล่าเรื่องที่ตนเองประสบมานานแล้ว บ้านที่มีอาถรรพ์ ซึ่งคนที่มานอนบ้านนี้ถ้านอนก่อน 11 โมงเช้า หรือหลังเที่ยงเป็นต้นไปก็จะไม่มีอะไร แต่ถ้านอนในช่วง 11.00 น. แต่ไม่เกินเที่ยงก็จะถูกผีอำ จะเห็นชายแก่ผอมๆ ทีนี้วันที่เกิดเรื่องผมเลิกเรียนแล้ว กลับมาทำงานที่บ้าน และต้องออกไปลงเรือ ปรากฎว่ามันไม่ติด ก็ให้ลูกน้องไปตามคนมาแก้เครื่อง ผมก็เข้าไปนอน ครั้งแรกไม่เห็นตัว พอเข้าซักพักก็ออก ผมลุกขึ้นมาด่าซะเช็ดเลยว่า น่าจริงมาใหม่สิ อย่าเอาทีเผลอ ท้าเลย แค่นอนทำมัยต้องมาอำกันด้วย และปรากฎว่าเค้าก็ไม่มา

หลังจากนั้น 3 วัน โดนเลยทีนี้ ไม่ใช่อำแล้ว โดนจริงๆ ประมาณ 5 โมง เข้าไปในครัว ขาแขนอ่อนไม่มีแรง เห็นเตียงผ้าใบอยู่ก็เลยไปนอน พอเคลิ้มๆ เค้าก็มาเลยจากหัวนอนมานั่งทับที่ท้อง จับมือกางออก แล้วเอาหน้าผากชนกันเลย ที่ร้ายที่สุดคือลูกตาหลุดออกมาข้างๆห้อยมาอย่างงี้เลย แล้วที่ผมด่าเค้าไว้ เค้าก็ด่าคืนเลย เค้าโกรธมาก 'มึงแน่เหรอ มึงท้ากูเหรอ มีงเล่นกล้ามใช่มั๊ย แน่จริงมึงเอาให้ออก' ผมเห็นมันตาแดงก่ำเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ผมเลยคิดจะสวดมนต์ เค้าก็บอก ' มิงไม่ต้องมาสวด กูไม่ไป เพราะมึงท้ากูไว้ สักพักนานพอสมควร เค้าก็ไป ผมก็เดินเข้าบ้านสวน


แม่ผมนั่งตำหมากอยู่ ก็หัวเราะ ถามว่าไปทำอะไรมาเหงื่อเต็มเลย ผมก็บอกว่ไม่ได้ทำอะไร นอนอยู่บ้านแล้วโดนผีอำ แม่ก็ถามเห็นตัวมันมั๊ย ผมก็บอก ครั้งแรกไม่เห็น แต่เมื่อกี้เห็นเลย แกถามรูปร่างเป็นยังไง ผมก็บอกรูปร่างผอมๆแบบหนังหุ้มกระดูก ไม่มีเนื้อเลย นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน พอพูดปุ๊ป แม่ผมก็ตะบันหมากหลุดจากมือ แกอุทานว่า สามสี่สิบปีแล้ว มึงไม่ไปเกิด มึงอยู่รออะไร อยู่ทำมัย แกก็ค้างอยู่อย่างงั้น ผมต้องไปเขย่าตัวแก แม่ก็เลยบอกว่าที่มึงเห็นหน่ะพี่ชายกูเอง เป็นวัณโรค อาศัยอยู่ในครัว หุงหาต้มกินเอง ไม่มายุ่งกับคนข้างนอก จนแกตาย

ผมก็กลับมาที่เก่า ยกมือไหว้ขอโทษเค้า จากนั้นมาผมเข้าไปที่นั่นจะนอนกี่โมงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย

อาสาสมัครก็ออกมาเล่าเรื่องกันต่อ เรื่องมีอยู่ว่า



นี่เป็นเรื่องอดีตสมัยยังสาวๆ สมัยก่อนขายลูกโป่งกับพี่น้อง 3 คน อยู่แถววงเวียนใหญ่ วันนั้น ฝนตก มีปูเดินมา 3 ตัว พี่สาวก็ไปจับปู ที่ตัวมันจะมีเจิมจุดบนกระดองอยู่ 3 จุด พอพี่สาวจับได้ก็ไปขอคนขายปลาหมึกย่างปิ้งไฟกิน และเรียกคนโน้นคนนี้กิน ก็ไม่มีใครกิน พอกินไปได้ซักพัก แกก็ชัก แม่ก็พาไปโรงพยาบาล



หมอบอกว่าเป็นโรคพยาธิขึ้นสมอง พยาธิก็ออกมาจากปาก จมูกเป็นแสนๆตัว ออกมากอง พอเสร็จหมอก็เอาไปอยู่ข้างๆห้อง ICU กับห้องดับจิตมันติดๆกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่คืนแรกยังคืนที่สามก็คือ มีผู้หญิงมาเรียกเอาพี่สาวไปด้วย แม่ก็เลยเอาสายสร้อยที่คล้องคอ มีหลวงพ่อทวด สาลิกาลิ้นทอง พระธุดง ห้อยที่คอพี่สาว



พอตี 2 กว่าๆ พี่สาวก็ลุกขึ้นมายกแขนยกขา เหมือนคนจะตามเค้าไป แม่ก็เลยด่าผี ไม่ต้องไปผุดไปเกิด มาทำกันอย่างงี้ ขอแค่พักสองสามคืน แค่ลูกสาวหายก็จะกลับ ก็พูดท้าทายดวงวิญญาณ พอพูดเสร็จดวงวิญญาณก็ลองจากนอกชานมายืนอยู่หน้าประตู แต่ก็เข้าห้องไม่ได้ เพราะแม่เอาผ้ายันต์หลวงปู่ทวดแปะไว้หน้าห้อง



พี่สาวร้องโวยวายจะออกๆ แม่ก็เอาผ้าปูที่นอนมัดไว้ และให้ชั้นกับพี่สาวอีกคนนั่งทับไว้และแม่ก็เลยไปปะทะกับผี ผีก็ลอยถอยหลังไปเรื่อยๆ ออกนอกชาน แม่ก็ปีนนอกชาน แม่จะกระโดนตึก ชั้นกับพี่สาวอีกคนก็ดึงแขนดึงขาแม่ไว้ และก็ร้องโวยวาย จนหมอเข้ามา ผู้หญิงคนนั้นเห็นหมอก็หายแว๊บไป



พอรุ่งเช้ามาถามหมอ หมอก็บอกว่าพี่สาวไปนอนทับที่เค้า เพราะเค้าตายได้วันเดียวพี่สาวก็เข้ามา



เพียงแค่ไม่นานหลังจากนั้น จู่ๆอาสาสมัครท่านนึงก็ลุกเดินออกจากที่นั่ง พร้อมด้วยท่าทางหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เหมือนเค้าเห็นอะไร พิธีกรถาม ลักษณะเป็นยังไงครับ ' เป็นเด็กครับแต่ไม่รู้ผู้ชายผู้หญิง' อยู่ตรงไหนครับ 'ตรงนั้นครับ มองผ่านเทียนไปผมเห็นพอดี'



เหตุการณ์ในครั้งนี้เพิ่มความหวาดผวาให้อาสาสมัครคนอื่นๆ รวมทั้งพิธีกร แต่ทุกคนยังคงร่วมพิธีการกับเราต่อไป



ท่านผู้ชมตอนนี้ตีหนึ่งกว่าแล้ว บรรยากาศเริ่มน่ากลัวมากขึ้น เพราะเรานั่งอยู่ข้างๆหลุมศพนับพัน (จะเห็นได้ว่าทุกคนเริ่มเหนื่อยล้า)


อาสาสมัครท่านต่อไปก็ออกมาเล่าเรื่องของตน เรื่องมีอยู่ว่า

ครั้งนึงผมกับเพื่อนๆ อยู่ในแก๊งค์รถซิ่ง มีมอเตอร์ไซด์ประมาณสิบกว่าคัน กับเพื่อนๆจะเที่ยวด้วยกันตลอด จนเพื่อนผมไปประสบอุบัติเหตุตายคาที่ ที่งามวงค์วาน แม่เค้าบอกว่าจะเอาศพไว้ 3 วันแล้วเผา แตพวกผมขอเป็น 7 วันละกัน คืนวันที่ 6 (พอวันที่ 7 ก็จะเผา) คืนนั้นผมกลับบ้านตี 2 ขับผ่านหน้าบ้านคนตาย เพื่อนผมที่ตายก็มาเกาะหลังผม พอผมขี่มอไซด์เข้าซอย ทางปกติจะคดเคี้ยวอยู่แล้ว พอผมหักชวา รถผมมันก็เลี้ยวซ้าย พอผมหักซ้ายรถผมก็เลี้ยวขวา พอผ่านไปได้ซักร้อยเมตร ก็ถึงบ้านแฟนเพื่อน ก็หายไป ผมก็รีบวิ่งเข้าบ้าน



พอเผาเสร็จ 15 วัน พวกผมนอนอยู่ใต้ถุนบ้าน เพื่อนก็ได้มาเข้าเพื่อนผมอีกคน แล้วก็บอกว่ากูจะมาเอาพวกมึงไปให้หมด พวกผมก็เลยไปให้ร่างทรง เค้าพรมน้ำมนต์ให้ เค้าก็ชี้หน้า พวกมึงระวังไว้ให้ดี กูจะมาเอาไปให้หมดทุกคน



ต่อจากนั้นอีกประมาณ 1 เดือน เพื่อนผมคนที่โดนเช้า ก็ตายพร้อมกันวันเดียว 2 ศพ เกิดอุบัติเหตุ ขี่มอไซด์โดนรถปูนชนที่เมืองทอง อีกคนไปตายที่บุรีรัมย์ เป็นเพื่อนสนิทกันมาก



ขณะเล่าเรื่องผีเรื่องที่ 52 อยู่นั้นเอง มีอาสาสมัครคนนึงก็เกิดอาการบางอย่าง (ทำท่าเหมือนเด็กร้องไห้) อาการที่ปรากฎดูเหมือนกับว่ามีเด็กมาสิงร่างของเธอ ซึ่งประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่อาสาสมัครท่านนึงได้พบวิญญาณเด็ก ทำให้คนตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นดวงวิญญาณเดียวกันก็เป็นได้ ไม่กี่นาทีต่อมา อาสาสมัครก็ล้มพับ ท่าทางของเธอยังคงสลึมสลือ เหมือนกับว่าเธอไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น



อย่างไรก็ตาม เราก็มิอาจชี้ชัดได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากสิ่งใด และเมื่อทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติก็ได้เริ่มพิธีการเล่าเรื่องกันต่อไป

ปล. ติดตามตอนต่อไป เดี๋ยวยาวมากแล้วจะบ่นอีก ...อาจมีบางคำที่ไม่สุภาพ ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย...

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์