คุยกับเจ้าหญิงแสนหวี...ตำนานที่มีชีวิต

คงมีคนไทยไม่กี่คนที่รู้ว่าแสนหวี อดีตมหานครอันรุ่งเรืองที่ชาวไทยเคยได้ยินเพียงจากนิยายอมตะ เจ้าหญิงแสนหวี ของหลวงวิจิตรวาทการ เป็นเมืองที่ยังมีอยู่จริงจนถึงปัจจุบัน ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาสูงสลับซับซ้อนของรัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์ และยิ่งมีไม่กี่คนที่รู้ว่า เจ้าหญิงแสนหวีผู้งดงามหยาดฟ้ามาดิน ก็มีตัวตนอยู่จริงเช่นกัน แม้ว่าเธอจะไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองที่บรรพบุรุษเคยปกครองอยู่แล้ว แต่เจ้าหญิงแห่งแสนหวีองค์นี้ก็ยังอยู่ในหอเจ้าฟ้า แต่กลับเป็นหอเจ้าฟ้าแห่งเมืองสีป้อ อีกหนึ่งเมืองในรัฐฉาน อดีตอาณาจักรไทใหญ่อันรุ่งเรือง

เจ้าสามพง เป็นเจ้าหญิงแห่งแสนหวีใต้ หรือที่เรียกกันว่า "เมืองใหญ่" บิดาของเธอคือเจ้าฟ้าแห่งเมืองใหญ่ ผู้มีธิดาถึง 8 องค์ แต่ละองค์ล้วนมีรูปโฉมงดงาม และส่วนใหญ่ก็ได้เสกสมรสไปกับเจ้าฟ้าเมืองต่างๆในอาณาจักรไทใหญ่ด้วยกัน เจ้าสามพงได้สมรสกับเจ้าอู่จา เชื้อสายเจ้าฟ้าแห่งเมืองสีป้อ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอได้มาทำหน้าที่ดูแลหอเจ้าฟ้าสีป้ออยู่จนถึงทุกวันนี้

ทุกวันนี้ เจ้าอู่จามีหน้าที่ดูแลญาติๆในนครตองจี เมืองหลวงของรัฐฉาน ส่วนเจ้าสามพงก็รับหน้าที่ดูแลหอเจ้าฟ้าอันใหญ่โตนี้แต่เพียงลำพัง ที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน วันละ 2 รอบ คือ 9 โมงเช้าถึงเที่ยง และบ่ายสามถึง 6 โมงเย็น โดยมีเจ้าบ้านคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนอย่างเป็นกันเอง เจ้าสามพงจะอธิบายประวัติความเป็นมาของตัวบ้านที่ห้องโถงรับแขก ซึ่งเป็นส่วนเดียวของในหอเจ้าฟ้าที่เปิดสำหรับบุคคลภายนอก พร้อมกับเล่าเรื่องราวจากรูปถ่ายแต่ละใบ ข้าวของเก่าแก่แต่ละชิ้นด้วยตนเอง ซึ่งแน่นอนว่าประวัติศาสตร์จากบุคคลที่เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวนั้น เปรียบเหมือนอาหารอันโอชะสำหรับผู้หลงใหลเรื่องราวในอดีตอันซับซ้อนของชาวไทใหญ่ ตั้งแต่เรื่องราวของตึกทรงโคโลเนียลอันเก่าแก่แห่งนี้ และบุคคลในภาพถ่ายขาวดำที่ล้วนโลดแล่นอยู่ในยุคที่การเมืองพม่าดุเดือดถึงขีดสุด

แต่เรื่องราวที่นำพานักเดินทางจากทุกมุมโลกให้มาเยี่ยมเยือนที่นี่ ก็คือรักที่ถูกพรากไปด้วยการเมือง ระหว่างเจ้าจาแสง เจ้าฟ้าองค์สุดท้ายแห่งสีป้อ และอิงเง ซาเจนท์ หรือเจ้านางสุจันทรี ชายาชาวออสเตรีย ผู้ที่เขียนหนังสือบอกเล่าชีวิตของตนเองในฐานะราชินีแห่งแว้นแคว้นอันห่างไกล และมรสุมการเมืองที่ทำให้สวามีของเธอต้องถูกคุมขังและหายสาบสูญไปจนถึงทุกวันนี้ Twilight Over Burma : My Life as a Shan Princess หรือ "สิ้นแสงฉาน" ผลงานของเจ้านางสุจันทรี กลายเป็นหนังสือที่ทำให้นักอ่านทั่วโลกรู้จักและหลงใหลรัฐฉานมาจนถึงทุกวันนี้

อดีตเจ้าหญิงแห่งแสนหวีบอกกับเราว่า การเปิดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ แม้ว่าจะทำให้ได้เงินบริจาคมาบำรุงรักษาอาคารที่เก่าทรุดโทรมตามกาลเวลา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอไม่ใช่เงิน แต่เป็นการเผยแพร่ประวัติศาสตร์แห่งรัฐฉานให้คนทั่วโลกได้รับรู้ เพราะความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรแห่งไทใหญ่อาจจะถูกทำลายจนหลงเหลือเพียงชื่อ แต่เรื่องราวของบรรพบุรุษของเธอและการต่อสู้ของชาวไทใหญ่ ไม่ควรเลือนหายไปตามกาลเวลา

หอเจ้าฟ้าแห่งสีป้อที่ตั้งโดดเดี่ยวกลางทุ่งรกร้างแห่งนี้ จะเปรียบไปก็เหมือนความเป็นชาติของชาวไทใหญ่ แม้จะหลงเหลือเพียงเงาแห่งความรุ่งโรจน์ แต่ก็ยังมีเศษซากแห่งอดีตคงอยู่ผ่านกาลเวลา เป็นเครื่องเตือนความทรงจำทั้งของลูกหลานไทใหญ่และผู้หลงใหลประวัติศาสตร์ที่ได้มาเยือนที่นี่ ว่าอดีตครั้งบ้านเมืองยังดีนั้น ไทใหญ่ เคยเป็นไท และยิ่งใหญ่ในผืนแผ่นดินแห่งนี้


ภาพจาก >>pantip.com
ที่มาจาก >>
voicetv


คุยกับเจ้าหญิงแสนหวี...ตำนานที่มีชีวิต

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์