กุมารีหลวง แห่งศากยวงศ์ เทพธิดาที่มีชีวิตของชาวเนปาล

กุมารีหลวง ทุกคนต้องผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลของศากยวงศ์ เหมือนจะภูมิใจ แต่ก็ไม่ภูมิใจ "
เทพธิดาที่มีชีวีตแห่งเนปาล เป็นสิ่งที่ชาวต่างชาติผู้มาเยือนเนปาลพากันสนใจอย่างยิ่ง และคิดว่าร้อยทั้งร้อยไม่ยอมพลาดที่จะหาโอกาสเห็นด้วยตาตัวเองให้จงได้ ด้วยความรู้สึกว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์เหลือเชื่อในยุคนี้คำว่าเทพธิดาผู้ทรงชีวิต ก่อให้เกิดความฉงนฉงายแก่ผู้ได้ยินทั้งสิ้น

เพราะเราท่านต่างเชื่อกันว่า เรื่องของเทวดา นางฟ้า อะไรเหล่านี้ล้วนเป็นนิยาย ถ้าจะมีอยู่จริงก็อยู่บนเมืองฟ้าเมืองสวรรค์ซึ่งเรามองไม่เห็น แต่ที่เนปาลมีให้ดูกันได้จริงๆชัดๆ ไม่ว่าใครๆก็ต้องอยากดู
ประเพณีที่ถือปฎิบัติสืบสืบเนื่องกันมาหลายศตวรรษ สะท้อนถึงการหล่อหลอมทางศาสนา วัฒนธรรมและความเชื่อของชาวเนปาลเข้าด้วยกัน จนเห็นได้ชัดเจน น่าจะได้แก่ ประเพณีกุมารีบูชา คือการบูชาเจ้าแม่ทุรคา หรือตาเลจูเจ้าแม่ภาคดุร้ายตามคติของฮินดู ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้เสด็จมาคุ้มครองกษัตริย์เนปาลทุกพระองค์ แม้เจ้าแม่จะเป็นเทพทางฮินดู แต่กลับเสด็จลงมาประทับอยู่ในร่างของเด็กหญิงพรหมจรรย์ชาวพุทธ ที่เกิดในสกุลศากยะ.....?

ซึ่งเรียกขานกันในนามกุมารี ฟังแล้วก็ออกจะขัดๆสับสนชอบกล แต่ก็อย่างว่าเนปาลเป็นดินแดนที่หล่อหลอมลัทธิ และความเชื่อหลายอย่างเข้าด้วยกันอย่างแนบเนียน การสรรหาเด็กผู้หญิงที่จะมาเข้ารับตำแหน่งกุมารีกระทำกันอย่างพิถีพิถัน เริ่มจากคัดเลือกชาติกำเนิด ความพร้อมทางอารมณ์และจิตใจ เด็กที่ได้รับเลือกต้องอยู่ในวัยก่อนมีประจำเดือนในสกุลศากยะต้องมีลักษณะดีครบ 32 ประการ เช่น สุขภาพดี ผิวพรรณดี ไม่มีตำหนิ มีดวงตาสีดำ ผมสีดำ ไม่มีกลิ่นตัว มีฟันครบ ที่สำคัญต้องไม่เคยมีเลือดไหลออกจากร่างกาย ไม่ว่าจะเพราะบาดเจ็บหรือกรณีใดๆก็ตาม
ต่อจากนั้นจะถูกทดสอบสภาวะทางอารมณ์ เพราะเมื่ออยูในสถานะร่างประทับทรงของพระแม่ตาเลจูจำเป็นต้องสงบนิ่งไม่หวั่นต่อสิ่งใดๆ มีการนำเข้าไปอยู่ในห้องมืดที่มีภาพดุร้ายน่ากลัว รวมทั้งซากสัตว์ที่ถูกฆ่าสังเวยจมกองเลือด เมื่อได้ร่างตรงตามลักษณะที่ต้องการแล้ว โหรหลวงจะตรวจดวงชะตาของเธอเพื่อให้แน่ใจว่า สอดคล้องกับกษัตริย์หรือไม่

ต่อจากนั้นจะทำการชำระร่างกายจนบริสุทธิ์ เพื่อให้เหมาะแก่การเป็นที่ประทับของเทพนารี ขั้นตอนถัดมา พระในศาสนาพุทธระดับสูง จะร่ายมนตราชำระล้างจุดสำคัญ 6 จุดในร่างกาย ได้แก่ ดวงตา ลำคอ หน้าอก สะดือ อวัยวะเพศ และช่องคลอด เชื่อกันว่าพลังศักดิ์สิทธิ์จากพระแม่เตลาจูจะค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในร่างของเด็กหญิง และร่างจะค่อยๆมีสีแดงระเรื่อมากขึ้นๆ เด็กหญิงในฐานะกุมารีจะได้แต่งกายเต็มยศ ทั้งเครื่องประดับและการแต่งหน้าล้วนมีความหมายทางสัญลักษณ์ จุดสำคัญที่สุดคือ ดวงตาที่สามตรงหน้าผาก อันเป็นสัญลักษณ์ของผู้รู้แจ้งในสรรพสิ่ง

กุมารีแห่งกาฐมาณฑุจะถือว่าเป็น"กุมารีหลวง"โดยมีหน้าที่"เจิมติกะ"(แต้มจุดแดงๆที่ระหว่างพระขนงของกษัตริย์)ในวันสุดท้ายของเทศกาลอินทรยาตรา

เด็กหญิงที่ได้รับเลือกเป็น"กุมารี"จะได้รับการแต่งกายเต็มยศใส่ทั้งเครื่องประดับและแต่หน้า ซึ่งมีจุดสำคัญอยู่ที่ดวงตาที่สามตรงหน้าผาก

เด็กหญิงจะพ้นจากตำแหน่ง เมื่อมีเลือดไหลออกจากร่างกายในทุกกรณี เพราะถือว่าไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป หลังจากหมดสภาพเป็นกุมารีแล้วเด็กหญิงเหล่านี้จะมีปัญหาในการดำรงชีวิตแบบมนุษย์ธรรมดา เพราะในระหว่างการเป็นกุมารีไม่ได้เรียนหนังสือ จึงอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้อย่างหนึ่ง และเคยอยู่แต่ในวัง ไม่เคยทำงานบ้านงานเรือนอย่างหนึ่ง อีกทั้งชาวเนปาลเชื่อกันว่า กุมารีนั้นเคยเป็นที่ประทับของร่างทรงศักดิ์สิทธิ์ ผู้ชายจึงมักไม่กล้าแต่งงานด้วย (ทั้งที่ไม่มีข้อห้าม) ระยะหลังๆจึงไม่ค่อยมีใครยอมให้ลูกสาวเข้ารับเลือกเป็นกุมารี จนทางการต้องเข้ามาแก้ใข โดยการให้เงินบำนาญเลี้ยงชีพแก่อดีตกุมารีจำนวนหนึ่ง นอกจากนั้นระหว่างเป็นกุมารี ทางการยังหาครูสอนหนังสือให้เป็นพิเศษอีกด้วย

กุมารีหลวง แห่งศากยวงศ์ เทพธิดาที่มีชีวิตของชาวเนปาล


กุมารีหลวง แห่งศากยวงศ์ เทพธิดาที่มีชีวิตของชาวเนปาล


กุมารีหลวง แห่งศากยวงศ์ เทพธิดาที่มีชีวิตของชาวเนปาล

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์