‘พระพุทธโสธร’ พระลอยน้ำในตำนาน!


ำนานพระพุทธโสธร

มีเรื่องราวที่เล่าขานกันมานานแล้วในครั้งโบราณว่าในกาลครั้งนั้นยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา ตอนปลาย มีพระพุทธรูปลอยน้ำมา 3 องค์ ที่แม่น้ำบางปะกง พอมาถึงบริเวณสถานที่ แห่งหนึ่ง ซึ่งเรียกชื่อว่าอะไรก็ไม่ประจักษ์ ก็มีชาวบ้านเห็นพระพุทธรูปลอยน้ำมาทั้ง 3 องค์ เกิดเอะอะโวยวายขึ้นให้ช่วยกันอัญเชิญขึ้นมาบนฝั่ง ด้วยการเอาเรือออกไป อัญเชิญ ด้วยการช่วยกันยกขึ้นเรือแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะยกเอาขึ้นมาไม่ไหว จึงเปลี่ยนวิธีการเป็นเอาเชือกเส้นใหญ่ไปคล้ององค์พระทั้ง 3 องค์ อย่างแน่นหนาแล้วให้ชาวบ้านที่มีอยู่ชักลากดึงจะเอาขึ้นมาบนฝั่งน้ำ แต่ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จเพราะแรงชาวบ้านที่มีอยู่เป็นจำนวนมากมายนั้น ไม่อาจจะฉุดดึงรั้งเอาองค์พระทั้ง 3 องค์ ที่ลอยปริ่มๆน้ำอยู่ขึ้นมาได้ไม่สำเร็จเพราะเชือกขาด

ประกอบกับกระแสน้ำเกิดปาฏิหาริย์ปั่นป่วนขึ้นมาเป็นที่น่าอัศจรรย์ ทำให้พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์จมหายลับสายตาไปท่ามกลางความเสียดายของผู้คนที่มีอยู่ซึ่งเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน พากันยกมือไหว้ท่วมหัว บางคนก็พูดว่าไม่มีบุญเพียงพอที่จะ อัญเชิญพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ ขึ้นมาได้

ผู้คนในสมัยนั้นโจษขานกันไปต่างๆนานาพากันคิดว่าอย่างนั้น คิดว่าอย่างนี้ไปจนบางทีก็เลยเถิดไปไหนต่อไหน บ้างก็ว่า เทวดาฟ้าดินไม่โปรด หลวงพ่อก็ไม่ยอมมาประดิษฐานอยู่บนฝั่งน้ำ หากอัญเชิญขึ้นมาได้แล้ว ก็จะอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดทันที เรื่องราวการโจษขานกันไปมากมายนี้เลยทำให้ชาวบ้านพากันเรียกสถานที่ ที่พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ มาสำแดงปาฏิหาริย์ ลอยวนเวียนไปมาว่า "สามพระทวน" เรียกกันเรื่อยไปนานเข้าก็เพี้ยนกลายเป็น "สัมปทวน" กันไปในที่สุด

จากนั้นต่อมาพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ ที่ลอยน้ำมาในแม่น้ำบางปะกงก็ล่องลอยกันไปเรื่อยๆ องค์หนึ่งลอยไปทางบางพลี ไปผุดขึ้นที่ลำคลองวัดบางพลี ชาวบ้านอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานเอาไว้ที่วัดบางพลีได้โดยง่าย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพระพุทธรูปองค์นี้ท่านต้องการจะประดิษฐานอยู่ ณ ที่ตรงนี้ก็ได้
อีกองค์หนึ่งลอยออกไปที่บริเวณบ้านแหลมสมุทรสงคราม ชาวบ้านตีอวนได้องค์พระขึ้นมาแล้วอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดบ้านแหลม หรือในปัจจุบันคือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร

อีกองค์หนึ่งผุดขึ้นมาที่หน้าวัดเสาธงทอนหรือ "วัดโสธร"ที่แม่น้ำบางปะกงชาวบ้านช่วยกันฉุดลากขึ้นมาด้วยเชือก อีกเช่นเดียวกันแต่ก็ไม่สำเร็จไม่อาจจะอัญเชิญขึ้นมาบนบกได้ มีผู้เสนอให้ไปเชิญอาจารย์ผู้ที่มีความรู้ ทางด้านเวทมนต์คาถามา เพื่อทำพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นมาจากกระแสน้ำให้ได้ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จ เมื่ออาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณท่านนั้นตั้งศาล เพียงตาขึ้นมาตามโบราณพิธีแล้วเอาสายสิญจน์ไปคล้องเอาไว้ที่พระหัตถ์ ตอนนี้เองปรากฏว่าอัญเชิญเอาขึ้นมาบนฝั่งน้ำ ริมตลิ่งของวัดเสาธงทอนได้อย่างง่ายดายมาก แต่เมื่อเอาเชือกเส้นใหญ่ไปคล้องผูกมัดองค์ท่านแล้วดึงเข้ามาไม่เป็นผลอะไรเลย นับว่าเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดของผู้ที่พบเห็นเป็นอันมาก

เมื่อนำพระพุทธรูปที่ลอยน้ำขึ้นมาได้ ชาวบ้านก็อัญเชิญเข้าไปประดิษฐานเอาไว้ในพระอุโบสถทันทีรวมกับพระพุทธรูปองค์อื่นๆที่มีอยู่ พระพุทธรูปองค์นี้ปรากฏว่าเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยลงรักปิดทองเอาไว้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็นลักษณะ ของพระพุทธรูปศิลปะล้านช้าง คือศิลปะของเวียงจันทร์ ซึ่งมีการสร้างพระพุทธรูปลักษณะเช่นนี้กันทั่วไปที่ล้านช้าง และหลวงพระบางและเมืองอื่นๆที่ภูมิภาคแถบนี้ ดูได้จากพระพุทธรูปลักษณะเดียวกันที่เวียงจันทร์ และหลวงพระบางตลอดจนอินโดจีน รวมทั้งทางภูมิภาคของภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน ชาวบ้านเลยพากันถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่ได้ พระพุทธรูปองค์สำคัญนี้มาพากันมากราบไหว้กันมากมาย

ในครั้งกระโน้นเล่าลือกันไปทุกสารทิศทีเดียวพากันเรียกท่านว่า"หลวงพ่อโสธร"ตามชื่อวัดที่เปลี่ยนมาจาก "เสาธงทอน" แล้วก็เป็น "หลวงพ่อโสธร"มาตราบกระทั่ง ปัจจุบัน.
ภาพ : จำลองการลอยน้ำมาของพระพุทธโสธร

เครดิตภาพ : ตามลายน้ำ

>>>แต่บางกระแสก็มีผู้ให้เหตุผลว่า 

พระพุทธรูปเหล่านี้ล้วนแต่เป็นโลหะหนัก คนรุ่นใหม่คงยอมรับไม่ได้ว่าท่านลอยน้ำมาได้ แต่ถ้าพิจารณาใคร่ครวญดูแล้วก็น่าเชื่อได้ว่าท่านลอยน้ำมาจริงๆ เพราะตอนกรุงศรีอยุธยาแตกใน พ.ศ. 2310 นั้น คนที่ต้องหนีเอาชีวิตรอด ยังห่วงพระพุทธรูปที่เคารพนับถือด้วย กลัวว่าจะถูกพม่าเผาทำลาย ครั้นจะแบกท่านหนีหรือฝังดินไว้แบบฝังสมบัติก็คงไม่ไหว จึงต่อแพเอาท่านซ่อนไว้ข้างใต้ ปล่อยลอยน้ำไหลลงทางใต้ให้พ้นเงื้อมมือของพม่าข้าศึก หรือคนใจบาปหยาบช้า

แล้วท่านคงลอยน้ำมาด้วยวิธีนี้ แต่คนไทยเรานับถือสิ่งใดก็อยากให้สิ่งนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะว่าหลอกกันก็ไม่ใช่ เพียงแต่เล่าไม่หมดเท่านั้นเอง

ที่มาจาก>>ร้อยเรื่องราว ไปกับ เจ้าประคุณปราบสุราพินาศ

‘พระพุทธโสธร’ พระลอยน้ำในตำนาน!

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์