เปิดรั้วราชสำนักฝ่ายใน การ ขึ้น และ ตก ของสตรีในวังหลวง เรื่องที่ทุกคนควรรู้

"...ฉันน่ะไม่เคยขี้เหนียวหรอก แต่เห็นเสียแล้วเมื่อเวลาฉันมีบุญน่ะ ล้วนแต่มาห้อมล้อมฉันทั้งนั้นแหล่ะ เวลามีงานมีการอะไร ฉันก็ช่วยเต็มที่ไม่ขัด แต่พอฉันตกก็หันหนีหมด ไปเข้าตามผู้มีบุญต่อไป ฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจไม่ทำบุญกับคนรู้จัก แต่จะทำการกุศลทั่วไปไม่เลือก..." 

พระราชดำรัสของ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ที่ทรงประสบกับภาวะการณ์ "ขึ้น" และ "ตก" ของตำแหน่งพระอัครมเหสีแห่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

การแข่งขันชิงดีชิงเด่นชิงความรักความเป็นใหญ่ระหว่างกันแล้ว สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่ชาววังระวังและปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดที่สุดก็คือ การรักษาสถานภาพการเป็นคนโปรดหรือที่เรียกว่า "ขึ้น" เพราะเวลา"ขึ้น" นั้นจะมีทั้งอำนาจวาสนาทรัพย์สินเงินทอง ผู้คนต่างพากันเข้ามาสวามิภักดิ์ยอมตัวอยู่ในพระบารมี เวลาที่ไม่โปรดปรานเรียกว่า "ตก" สิ่งต่างๆประดาที่เคยมีก็พลันสูญเสียไป ความรู้สึกของผู้ที่อยู่ในสภาพนี้ ก็คือความรู้สึกของปถุชนคนทั่วไป คือมีทั้งความเสียใจเสียดาย ถึงสิ่งดีๆที่ผ่านไป เว้นแต่ผู้ที่มีสติสัมปชัญญะกำกับกายใจอยู่จึงจะพ้นภาวะและความรู้สึกเช่นนั้น 
 
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี ทรงเป็นเจ้านายพระองค์หนึ่งที่ทรงประสบกับภาวะการณ์ "ขึ้น" และ "ตก" อันเนื่องมาจากการที่ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ พระราชโอรสทรงดำรงตำแหน่ง "สยามมกุฎราชกุมาร" จึง "ขึ้น" ในฐานะที่ทรงเป็น พระราชมารดาองค์รัชทายาท และทรง "ตก" เพราะสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศทรงสิ้นพระชนม์ ฐานะพระราชมารดาองค์รัชทายาทจึงเปลี่ยนไปอยู่ที่สมเด็จพระศรีพัชรินทาบรมราชินีนาถแทน 

สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี ทรงกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า

 "...ฉันน่ะไม่เคยขี้เหนียวหรอก แต่เห็นเสียแล้วเมื่อเวลาฉันมีบุญน่ะ ล้วนแต่มาห้อมล้อมฉันทั้งนั้นแหล่ะ เวลามีงานมีการอะไร ฉันก็ช่วยเต็มที่ไม่ขัด แต่พอฉันตกก็หันหนีหมด ไปเข้าตามผู้มีบุญต่อไป ฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจไม่ทำบุญกับคนรู้จัก แต่จะทำการกุศลทั่วไปไม่เลือก..." 

แต่การ "ตก" ชนิดไม่เป็นที่โปรดปรานเป็นสิ่งที่ชาววังหวาดกลัวเป็นอบ่างยิ่ง ไม่ประสงค์จะให้เกิดกับตนเอง การ"ตก" เช่นนี้มีหลายปัจจัย เช่น เนื่องมาจากไม่มีพระราชโอรสพระราชธิดาไว้เป็นที่ผูกพันพระราชหฤทัย หรือมีอายุมาก หรือมีความประพฤติปฏิบัติตนไม่ต้องพระราชอัธยาศัย หรือเพราะเหตุผลอื่นๆ สตรีเหล่านี้แม้จะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าจอม ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัดเงินปี มีเรือนให้พักอาศัย แต่ก็มิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่อื่นใดในการที่จะมีโอกาสเข้าเฝ้าใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท จะเข้าเฝ้าก็เฉพาะตามหน้าที่ข้าทูลละอองธุลีพระบาทธรรมดา ในเวลาเสด็จพระราชดำเนินเข้าออกเช้าเย็น ณ ห้องโถงซึ่งมีพระทวารเปิดออกไปยังอัฒจรรย์สำหรับเสด็จออกฝ่ายหน้า ห้องดังกล่าวมีฝาผนัง และเครื่องตกแต่งภายในปิดทองออกสีเหลืองจึงเรียกกันเป็นสามัญว่า "ห้องเหลือง" และเลยเรียกเจ้าจอมที่หมอบเฝ้าประจำอยู่ห้องนี้ว่า "เจ้าจอมห้องเหลือง" คำว่า "เจ้าจอมห้องเหลือง"จึงเป็นสมญาที่มีนัยแห่งความดูถูก เยาะเย้ย สงสารและสมเพชแฝงอยู่ ซึ่งเจ้าจอมทุกคนประจักษ์ในนัยนี้เป็นอย่างดี จึงไม่มีผู้ใดประสงค์จะอยู่ในสภาพเช่น 

สตรีที่อยู่ในพระราชสำนักฝ่ายในนั้น แม้จะอยู่ในฐานะที่แตกต่างจากคนธรรมดาสามัญ แต่โดยเนื้อแท้แล้วก็เป็นเพียงผู้หญิงที่มีชีวิตจิตใจ เช่นบุคคลทั่วไปที่รู้จักรัก หึงหวง เสียใจ ฯลฯ แต่ก็มีความสามารถเป็นพิเศษในการ อดทนอดกลั้น ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี และความจงรักภักดีต่อองค์พระประมุข มิต้องการให้มีสิ่งใดมาระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในพระราชสำนักฝ่ายในจึงไม่รุนแรงนัก
 

เปิดรั้วราชสำนักฝ่ายใน การ ขึ้น และ ตก ของสตรีในวังหลวง เรื่องที่ทุกคนควรรู้


เปิดรั้วราชสำนักฝ่ายใน การ ขึ้น และ ตก ของสตรีในวังหลวง เรื่องที่ทุกคนควรรู้


เปิดรั้วราชสำนักฝ่ายใน การ ขึ้น และ ตก ของสตรีในวังหลวง เรื่องที่ทุกคนควรรู้


เปิดรั้วราชสำนักฝ่ายใน การ ขึ้น และ ตก ของสตรีในวังหลวง เรื่องที่ทุกคนควรรู้

Credit.    : วาทะ ประวัติศาสตร์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์