เจ้าฟ้าผู้งดงามที่สุด จน ร.5 ทรงรำพึง ลูกพ่อ งามราวเทวดา...


เจ้าฟ้าผู้งดงามที่สุด จน ร.5 ทรงรำพึง ลูกพ่อ งามราวเทวดา...


สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร พระราชธิดาพระองค์ที่ 19 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2420

ทรงเป็นเจ้าฟ้าชั้นเอก (ชั้นทูลกระหม่อม) พระองค์แรกที่มีพระชนม์ในรัชกาลที่ 5 ชาววังออกพระนามโดยลำลองว่า ทูลกระหม่อมหญิง ทรงมีพระอนุชา 1 พระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต

สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระองค์นี้เล่าลือกันว่าพระรูปโฉมงดงามยิ่งนัก เป็นสมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์แรกที่ประสูติในเศวตฉัตร (เจ้าฟ้าพระองค์แรกในพระองค์เจ้าทักษิณชาฯ สิ้นพระชนม์เสียแต่แรกประสูติ) ซึ่งถ้าหากพระองค์ประสูติเป็นเจ้าฟ้าชาย ก็คงจะได้ดำรงตำแหน่งรัชทายาท

พระองค์ได้รับพระราชทานพระนาม จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี และรับพระราชทานพระสุพรรณบัตรเฉลิมพระนามเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2430

และด้วยที่ทรงเป็นที่สนิทเสน่หาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายในมีพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2446

โดยทูลกระหม่อมฟ้าหญิงเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์เดียว ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้รับพระราชทานกรมสูงสุดถึงกรมหลวงเลยทีเดียว รวมทั้งพระนามกรมยังหมายความถึงกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นนามของเมืองหลวงด้วย

พระองค์ทรงรับราชการเป็นราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้มีโอกาสตามเสด็จประพาสต้นหลายครั้ง รวมทั้งตามเสด็จประพาสชวา ซึ่งได้โดยเสด็จออกแขกเมืองร่วมกับพระบรมชนกนาถ

พระองค์ประชวรพระโรคที่พระปัปผาสะและทรงสิ้นพระชนม์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2465 รวมพระชันษาได้ 46 พรรษา


พระชนม์ชีพวัยเยาว์

พระองค์ประสูติเมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2420 เล่ากันมาว่า ก่อนที่สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระองค์นี้จะประสูติ มีเจ้านายสตรีซึ่งเป็นพระธิดาใน กรมหลวงพิชิตปรีชากร (พระองค์เจ้าคัคณางค์) ยังทรงเป็นทาริกาอยู่

เล่าขานนิยมชมชื่นกันในหมู่ชาววังและเจ้านายว่า ทรงมีพระรูปโฉมสวยงามนัก คือ หม่อมเจ้าหญิงอาภาพรรณี (ต่อมาในรัชกาลที่ ๗ โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นพระองค์เจ้า ทรงเป็นพระชนนีของ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗)

ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงมีพระราชธิดาพระองค์นี้ ความที่สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงทรงมีพระรูปโฉมงดงาม ถึงกับสมเด็จพระราชบิดารับสั่งกับกรมหลวงพิชิตฯ ว่า "ฉันไม่แพ้เธอแล้ว กรมพิชิต" หมายความว่าทรงมี "ลูกสาว" สวยไม่แพ้พระธิดากรมหลวงพิชิตฯ

แต่ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ พระพักตร์และพระรูปโฉมคล้ายคลึงกับ สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ผู้ทรงเป็นสมเด็จย่า

ม.ร.ว.หญิงสุดใจ บรรยงกะเสนา ผู้ที่ได้มาพึ่งพระบารมีทูลกระหม่อมหญิงมาตั้งแต่อายุ 11 ปี จนถึงสิ้นพระชนม์ ได้เขียนเล่าถึงทูลกระหม่อมหญิงว่า

"ยังมิได้เล่าถึงพระรูปพระโฉมที่งดงามยิ่ง เมื่อทรงพระเจริญพระชันษาแล้ว ทูลกระหม่อมแดง สมเด็จพระบรมราชชนกรัชกาลปัจจุบัน (ร.9) ท่านยังทรงชมว่า "พี่หญิงช่างงามจริง แม้ท่าบ้วนน้ำหมากก็ไม่เหมือนใคร

ส่วนพระมรรยาท พระอิริยาบถ ก็ได้ยินแต่คนสรรเสริญ และยอพระเกียรติ ว่าด้วยพระกุศลที่ได้ทรงทำไว้แต่หนหลัง บันดาลให้งามพร้อมทั้งพระรูปโฉม พระนิสัย และน้ำพระทัย เป็นยอดขัตติยนารี"

แต่สำหรับในสายตาเด็กๆ อย่าง พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงมองว่า ทูลกระหม่อมหญิงนั้น "งามมาก แต่ค่อนข้างน่ากลัว" เนื่องจาก โดยที่ทรงเป็นสมเด็จพระราชธิดาองค์ใหญ่จึงทรงเป็นชั้น "ป้า" ของเจ้านายชั้นพระเจ้าหลานเธอในรัชกาลที่ 5 เป็นส่วนมาก

เมื่อสมเด็จพระบรมชนกนาถตรัสเรียกว่า ลูกหญิง และผู้อื่นตรัสเรียกและทรงระบุถึงว่า ทูลกระหม่อมหญิง เจ้านายชั้นหลานป้าบางพระองค์ จึงเผลอพระองค์เรียกว่า ทูลกระหม่อมป้าหญิง ดังเช่น พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ทรงนิพนธ์ไว้ในหนังสือเรื่อง เกิดวังปารุสก์ เล่ม 1 ว่า

"ทูลกระหม่อมหญิงนั้น ทรงงามมาก แต่ค่อนข้างน่ากลัว" และเมื่อวันหนึ่ง พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ตรัสเรียกทูลกระหม่อมหญิงว่า ทูลกระหม่อมป้าหญิง ก็ทรงถูกตำหนิว่า "อะไรทูลกระหม่อมป้าชายมีที่ไหน"

ท่านหญิงมารยาตรฯ ทรงเล่าประทานไว้ว่า สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงศรีรัตนโกสินทร เมื่อทรงพระเยาว์นั้น ผิวพรรณขาวผุดผ่องไม่มีร่องรอยใดๆ บนพระวรกายเลย จนเป็นที่เกรงกันในเวลานั้นว่า จะมีพระชนม์ไม่ยืน

เมื่อทรงมีพระชันษาได้ 1 ปี มีอยู่วันหนึ่งขณะพระพี่เลี้ยงเชิญเสด็จขึ้นเฝ้ารัชกาลที่ 5 ขณะที่สมเด็จพระราชบิดาทรงรับพระองค์ส่งพระราชทานต่อพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี ปลายพระขนง (ปลายคิ้ว) ของพระองค์ได้กระแทกกับขอบพาน ทำให้เกิดแผลเป็น

ซึ่งทำให้ชาววังโล่งใจว่าทรงมีแผลเป็น และคงจะทรงมีพระชนมายุยืน(ในวังแก้ว : หม่อมเจ้าหญิงมารยาตรกัญญา ดิศกุล) เมื่อพระชันษาได้สิบเอ็ดปี พระองค์ได้ทรงเข้าพระราชพิธีโสกันต์ เมื่อทรงเครื่องสวมชฏาแล้ว สมเด็จพระราชบิดาถึงกับทรงตรัสว่า "ลูกพ่องามปานเทวดา"

และเมื่อมีขบวนแห่โสกันต์นั้น มีเกร็ดเชิงซุบซิบเล่าต่อกันมาว่า บรรดาชาวบ้านที่ได้มาเฝ้าชมขบวนแห่ครั้งนั้นต่างก็ออกปากว่า "ลูกท่านงามนัก เลยต้องแห่กันถึงเย็น"

อันที่จริงแล้ว สมเด็จพระพันปีหลวงทรงพระประชวรพระโรคปัจจุบัน และได้บรรทมหนุนที่พระเพลาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้ ทำให้พระองค์เสด็จไปในพระราชพิธีไม่ได้ จึงทำให้พิธีแห่โสกันต์นั้นต้องเลื่อนไปถึงเย็น

ทูลกระหม่อมหญิงทรงมีจิตเป็นพระกุศลบริจาคเงิน 200,000 บาทเพื่อสร้างตึกสุทธาทิพย์ ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งหากคิดเป็นเงินในปัจจุบันก็เป็นมูลค่าหลายล้านบาท


เครื่องราชอิสริยาภรณ์

พระองค์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุด ของตระกูลต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นปฐมจุลจอมเกล้า (ฝ่ายใน)
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๔ ชั้นที่ ๒
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๕ ชั้นที่ ๑
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๖ ชั้นที่ ๑




สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์สุขุมขัตติยกัลยาวดี  กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร


สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์สุขุมขัตติยกัลยาวดี  กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร


ทูลกระหม่อมหญิงเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ ก่อนโสกันต์ทูลกระหม่อมหญิงเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ ก่อนโสกันต์

------
ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์