ที่จริงแล้ว เจ้าจอมสดับ มิใช่ เจ้าจอมคนสุดท้ายในรัชกาลที่ 5

ผู้มักจะเข้าใจผิดว่า "เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ" แห่งราชสกุลลดาวัลย์ เป็นเจ้าจอมคนสุดท้ายในรัชกาลที่ 5 ซึ่งเมื่อเราเปิดบทความ หรือหนังสือหลายเล่มก็มักจะกล่าวไว้เช่นนั้น ซึ่งนับว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างมาก

"...ที่จริงแล้วเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับมิใช่เจ้าจอมคนสุดท้ายในรัชกาลที่ 5 ภายหลังจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เสด็จพระราชดำเนินกลับจากประพาสยุโรปไม่นาน ก็มีผู้นำ "ลูกหลาน" ขึ้นถวายตัว ทว่ายังไม่ทันรับราชการสนองพระยุคลบาท แต่ขึ้นชื่อว่าเป็น "เจ้าจอม" เหมือนกัน พอดีเสด็จสวรรคตเสียก่อน..." (เลาะวัง : จุลลดา ภักดีภูมินทร์)|


เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ เป็นธิดาของหม่อมเจ้าเพิ่ม ลดาวัลย์ ในกรมหมื่นภูมินทรภักดี กับหม่อมช้อย นามเดิมว่า "สั้น" เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2433 ถวายตัวเข้ามาเป็นข้าหลวงในพระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมขุนสุทธาสินีนาฏ เมื่ออายุ 11 ขวบ เนื่องจากเป็นกุลสตรีที่มีรูปสมบัติ และกิริยามารยาทงดงาม มีน้ำเสียงไพเราะ

จนได้รับเลือกให้เป็นต้นเสียงในการขับร้องในวงมโหรี จึงเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเป็นอันมาก ถึงกับออกพระโอษฐ์ขอจากพระอัครชายา ซึ่งเป็นผู้ปกครอง เมื่อทั้งพระอัครชายา และพระบิดาไม่ขัดข้อง ท้าววรจันทร (เจ้าจอมมารดาวาด ในรัชกาลที่ 4) จึงได้นำขึ้นถวายตัวเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2449

และได้รับพระมหากรุณาธิคุณเลื่อนขึ้นเป็นพระสนมเอก เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2449 โดย 1 ในผู้ได้รับพระราชทานตราจุลจอมเกล้า ฝ่ายใน ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า ท.จ. ณ ท้องพระโรงกลาง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท มีนามของ "เจ้าจอมสดับ บุตรีหม่อมเจ้าเพิ่ม ในพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูมินทรภักดี" รวมอยู่ด้วย และนับว่าเป็นเจ้าจอมท่านสุดท้ายในรัชกาลที่ 5 ที่ได้เลื่อนขึ้นเป็น "พระสนมเอก" เพราะนับจากปี พ.ศ. 2449 - 2452 ก็ไม่ปรากฏว่ามีเจ้าจอมท่่านใดได้รับเครื่องราชย์ชั้นนี้อีก เพราะทุติยจุลจอมเกล้านี้ถ้าทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานพระภรรยา ก็จะพระราชทานให้กับผู้ที่มีศักดิ์เป็นพระสนมเอกเท่านั้น

 


ที่จริงแล้ว เจ้าจอมสดับ มิใช่ เจ้าจอมคนสุดท้ายในรัชกาลที่ 5

อย่างไรก็ตามแม้ท่านจะเป็น "เจ้าอยู่งาน" ที่ได้เลื่อนเป็น "เจ้าจอมพระสนมเอก" เป็นคนสุดท้ายในรัชกาลที่ 5 แต่ท่านก็ไม่ได้เป็นเจ้าจอมคนสุดท้ายแต่อย่างใด เพราะในวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452 ก็ปรากฏชื่อ "เจ้าจอมแส บุตรีพระยาสุรพันธุ์พิสุทธิ์ (เทศ บุนนาค)" ได้รับพระราชทานตติยจุลจอมเกล้า ฝ่ายใน จึงเข้าใจว่า "เจ้าจอมแส" เป็นเจ้าจอมท่านสุดท้ายในรัชกาลที่ 5

นอกจากนี้เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ยังเป็นเจ้าจอมท่านสุดท้ายที่กราบบังคมทูลลาถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2526 สิรายุได้ 93 ปี


ที่จริงแล้ว เจ้าจอมสดับ มิใช่ เจ้าจอมคนสุดท้ายในรัชกาลที่ 5

"เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ"


ที่จริงแล้ว เจ้าจอมสดับ มิใช่ เจ้าจอมคนสุดท้ายในรัชกาลที่ 5

นอกจากนี้เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ยังเป็นเจ้าจอมท่านสุดท้ายที่กราบบังคมทูลลาถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2526 สิรายุได้ 93 ปี

ที่จริงแล้ว เจ้าจอมสดับ มิใช่ เจ้าจอมคนสุดท้ายในรัชกาลที่ 5


ที่จริงแล้ว เจ้าจอมสดับ มิใช่ เจ้าจอมคนสุดท้ายในรัชกาลที่ 5

เจ้าจอมแส จากสกุลบุนนาค

ที่มา dek-d

ที่จริงแล้ว เจ้าจอมสดับ มิใช่ เจ้าจอมคนสุดท้ายในรัชกาลที่ 5

เจ้าจอมแส จากสกุลบุนนาค เจ้าจอมคนสุดท้ายในรัชกาลที่ 5

ที่มา  dek-d

ที่จริงแล้ว เจ้าจอมสดับ มิใช่ เจ้าจอมคนสุดท้ายในรัชกาลที่ 5

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์