เล่าเรื่อง ท้าวศรีสุดาจันทร์ สนมเอกแห่งกรุงศรีอยุธยา ผู้เลื่องชื่อว่าคบชู้

          หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อท้าวศรีสุดาจันทร์ เป็นหนึ่งในสตรีเลื่องชื่อในกรุงศรีอยุธยาทีเดียว ขอนำมาเล่าให้ฟังกันค่ะ ขอเริ่มเรื่องที่ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 พระมหากษัตริย์องค์ที่ 10 แห่งกรุงศรีอยุธยา ราชวงศ์สุพรรณภูมิ มีพระราชโอรส 3 พระองค์ (ต่อมาได้เป็นกษัตริย์ทุกพระองค์)

- พระอาทิตย์วงศ์ ประสูติกับพระอัครมเหสี ภายหลังเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร

- พระไชยราชา ประสูติกับพระสนม ภายหลังเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระไชย ราชาธิราช

- พระเฑียรราชา เป็นอนุชาต่างพระสนมกับพระไชยราชา ภายหลังเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ

เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 สวรรคต พระอาทิตย์วงศ์ขึ้นครองราชย์เป็น สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร กษัตริย์องค์ที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ต่อมาประชวรหนักด้วยโรคฝีดาษ ซึ่งในขณะนั้นพระองค์ทรงมีพระราชโอรสที่ยังทรงพระเยาว์มาก นั่นคือ พระรัษฎาธิราช พระองค์ทรงประสงค์อยากให้พระรัษฎาธิราชขึ้นครองราชย์ต่อ จึงขอให้พระไชยราชาและพระเฑียรราชา (พระอนุชาทั้งสอง) และขุนนางสาบานว่า จะให้พระรัษฎาธิราชขึ้นครองราชย์แม้จะยังทรงพระเยาว์ (ประมาณว่าอย่าแย่งบัลลังก์นั่นเอง)

สุดท้ายพระรัษฎาธิราชขึ้นครองราชย์ เป็นกษัตริย์องค์ที่ 12 แห่งกรุงศรีอยุธยา แต่แน่ล่ะว่ายังทรงพระเยาว์มาก ยังเล่นสนุกไปวันๆ ไม่ได้สนใจบ้านเมือง สุดท้ายพระไชยราชาจึงจับพระรัษฎาธิราชไปสำเร็จโทษแล้วขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ที่ 13 แห่งกรุงศรีอยุธยา นามว่า สมเด็จพระไชยราชาธิราช ... ตรงนี้แอบรู้สึกโหดนิดนึง ทั้งๆ ที่พระไชยราชาและพระรัษฎาธิราชเป็นอาหลานกัน แต่สมัยก่อนก็คงเป็นแบบนี้ คือต้องกำจัดทิ้ง เพื่อไม่ให้ภายภาคหน้าโตแล้วกลับมาแก้แค้นหรือแย่งบัลลังก์นั่นเอง

สมเด็จพระไชยราชาธิราช มีพระอัครมเหสีคือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ แต่สิ้นพระชนม์ตอนประสูติพระโอรส(พระแก้วฟ้า) ต่อมาได้ "ท้าวศรีสุดาจันทร์" เป็นพระชายา และมีพระโอรสด้วยกันคือ พระศรีศิลป์

ซึ่งท้าวศรีสุดาจันทร์นั้นมีเชื้อสายราชวงศ์อู่ทอง(ราชวงศ์แรกของกรุงศรีอยุธยา) ... ต้องขอบอกก่อนว่า กรุงศรีอยุธยามีทั้งหมด 5 ราชวงศ์ การเปลี่ยนราชวงศ์เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ กษัตริย์องค์ใหม่ไม่เกี่ยวข้องกับองค์เก่า เช่น ตอนสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ในราชวงศ์ปราสาททอง พระองค์ประชวรหนัก ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จึงนำโอรสบุญธรรมของพระนารายณ์ไปประหารแล้วขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ใหม่หรือพระเพทราชา เท่ากับพระเพทราชาไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับพระนารายณ์ จึงเกิดราชวงศ์ใหม่ คือราชวงศ์บ้านพลูหลวง

กลับมาที่ "ท้าวศรีสุดาจันทร์" ว่ากันว่างดงามมาก มีคำกล่าวว่า

"...ใบหน้าเป็นรูปไข่ คิ้วโก่งสุดหางตา ดวงตาคมกลมดำเป็นมันเหมือนมณีนิล จมูกโด่งเรียวงามดังคันศร เมื่อใดที่นางยิ้ม แก้มทั้งสองจะปรากฏลักยิ้ม แก้มทั้งสองมีสีราวมะปรางสุก เนื้อหนังอ่อนละมุนดังผ้ากำมะหยี่หรือสำลี เนื้อละเอียดเกลี้ยงมีสองสี มีขาวเจือเหลืองเหมือนลูกจันทน์สุก เส้นผมอ่อนนุ่มดำเป็นเงาเจืออ่อนๆ เล็บมือเท้างุ้มคล้ายเล็บครุฑ ฟันเล็กๆเท่ากันทั้ง ๓๒ ซี่ ถันยุคลทั้งคู่อวบอูมดังดอกบัวสัตตบงกช ฐานคอดกลางป้องปลายงอน ดันฐานชิดติดกันเอาพลูเสียบไม่หล่น นมมีน้ำใสๆไหลออกมาบางคราว มีกลิ่นหอมคล้ายดอกพิกุล เมื่อบัวผันเริ่มมีระดู ระดูนั้นมีกลิ่นคล้ายคล้ายดอกพิกุลแห้ง แม้แต่ผ้าที่เปื้อนโลหิตระดู เมื่อซักด้วยน้ำแล้วนำไปตาก จะมีแมลงภู่ผึ้ง แมลงชันโรง แมลงวัน มาตอมเป็นกลุ่ม สูบกลิ่นหอมหวานโลหิตติดผ้านั้นทุกคราวตากผ้า..."

ความงามร่ำลือถึงในวัง จึงได้เข้ามาอยู่ในวัง โดยอัครมเหสีของสมเด็จพระไชยราชาธิราชเป็นผู้อุปการะไว้ ต่อมาจึงได้เป็นชายาอย่างที่เล่าไปแล้ว

ท้าวศรีสุดาจันทร์มีเชื้อสายราชวงศ์อู่ทองซึ่งเป็นราชวงศ์แรกที่ขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา ก่อนจะเสียให้ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ดังนั้นต่อให้ช่วงแรกๆ ที่ขึ้นเป็นชายา จะมีความจงรักภักดีต่อพระไชยราชาธิราชแค่ไหน แต่ท้าวศรีสุดาจันทร์ก็มีความปรารถนาลึกๆ ว่าอยากจะทวงบัลลังก์คืนให้ราชวงศ์อู่ทอง แต่เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวจะทำได้ยังไงเล่า??

"ท้าวศรีสุดาจันทร์" ได้พบกับ ขุนชินราช เป็นผู้เฝ้าหอพระ ได้มาขับกล่อมเสภาถวาย ก็รู้สึกถูกใจยิ่งนัก ท้าวศรีสุดาจันทร์ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ จึงส่งสาวใช้คนสนิทให้เอาเมี่ยงหมากห่อผ้าเช็ดหน้าไปประทานให้ขุนชินราช ฝ่ายขุนชินราชรับห่อผ้าแล้วก็รู้ทันทีว่า ท้าวศรีสุดาจันทร์มีจิตใจรักใคร่ในตน จึงเอาถาดดอกจำปาส่งให้สาวใช้นำไปถวาย ซึ่งท้าวศรีสุดาจันทร์ก็ยิ่งเพิ่มความเสน่หาในตัวขุนชินราชมากยิ่งขึ้น

และที่สำคัญ ขุนชินราช ก็มีเชื้อสายอู่ทองด้วย จึงลอบเป็นชู้กัน ต่อมาตั้งขุนชินราชขึ้นเป็น ขุนวรวงศาธิราช และหวังจะทวงบัลลังก์คืนให้ราชวงศ์อู่ทอง ซึ่งการกระทำของท้าวศรีสุดาจันทร์ก็ไม่พ้นสายตาของขุนนาง รวมถึงพระเฑียรราชา(พระอนุชาสมเด็จพระไชยราชาธิราช) หลายคนรับรู้เรื่องนี้และก็เกรงว่าวันหนึ่งท้าวศรีสุดาจันทร์จะกระทำอะไรที่ไม่ดี

แผนการต่อมาของท้าวศรีสุดาจันทร์คือ วางยาพิษสมเด็จพระไชยราชาธิราช พระสวามีของตนเอง จนพระองค์ป่วยหนัก จึงแต่งตั้งให้ท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นผู้สำเร็จราชการแทนในระหว่างประชวร และด้วยความที่ท้าวศรีสุดาจันทร์กลัวว่าพระเฑียรราชาจะมาจัดการ จึงใส่ร้ายว่าพระเฑียรราชานั่นแหละเป็นคนวางยา แถมท้าวศรีสุดาจันทร์ยังเคยส่งคนไปหวังฆ่าพระเฑียรราชาและครอบครัวด้วย แต่ทุกพระองค์รอดมาได้

**พระมเหสีของพระเฑียรราชา คือ พระสุริโยทัย นั่นเอง**

พระเฑียรราชาทรงเกรงว่าตนและครอบครัวจะได้รับอันตราย สุดท้ายตัดสินใจไปบวชซะเลย เรียกว่าขนาดวันที่พระเฑียรราชาบวชนั้น ท้าวศรีสุดาจันทร์ยังส่งคนไปตามฆ่า ไล่ตามหาทุกวัดว่าหนีไปบวชที่วัดไหน แต่ไม่ทัน เพราะพระเฑียรราชาบวชแล้วนั่นเอง

      พระแก้วฟ้า(โอรสของพระไชยราชาธิราชและอัครมเหสีที่สิ้นไปแล้ว) ก็เกิดความทุกข์ใจ เพราะเริ่มโตพอที่จะรู้เรื่องของท้าวศรีสุดาจันทร์บ้างแล้ว บางครั้งต้องไปพบกับพระเฑียรราชาที่วัดเพื่อปรับทุกข์บ้าง

กลับมาที่ ท้าวศรีสุดาจันทร์ เมื่อขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการ เริ่มมีหัวเมืองหลายที่แข็งกระด้าง จึงเห็นว่าควรตั้ง ขุนวรวงศาธิราช เป็นกษัตริย์ จากนั้นได้วางยาพิษพระแก้วฟ้า กำจัดขุนนางที่เห็นต่าง แน่นอนล่ะว่าขุนนางที่เหลือก็ไม่มีใครยอมรับ เกิดการจลาจลไปทั่ว วุ่นวายทุกตำบล ในประวัติศาสตร๋ไทยจึงไม่นับว่าขุนวรวงศาธิราชเป็นกษัตริย์

เมื่อไม่มีขุนนางคนไหนยอมรับ ขุนนางกลุ่มหนึ่งจึงมีการหารือว่าจะล้มบัลลังก์และสุดท้ายก็ทำสำเร็จ โดยวางแผนตอนขุนวรวงศาธิราชและท้าวศรีสุดาจันทร์ไปจับช้างเผือกที่ลพบุรี และลอบฆ่าจนหมด จากนั้นเหล่าขุนนางไปขอให้พระเฑียรราชาลาผนวชและขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่าสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ

เมื่อขึ้นครองราชย์แล้ว ก็ให้ความดีความชอบแก่ขุนนางที่ช่วยเหลือ หนึ่งในนั้นคือ ขุนพิเรนทรเทพ สถาปนาเป็น สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช สำเร็จราชการเมืองพิษณุโลกแล้วยกพระวิสุทธิกษัตรีย์ (พระธิดา) ให้เป็นพระอัครมเหสี

ต่อมาสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชและพระวิสุทธิกษัตรีย์ มีพระราชโอรสและพระราชธิดาด้วยกันสามพระองค์ นั่นคือ

พระสุพรรณกัลยา

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

สมเด็จพระเอกาทศรถ

**********

CR::::: 
เล่าเรื่อง "ท้าวศรีสุดาจันทร์" สนมเอกแห่งกรุงศรีอยุธยา ผู้เลื่องชื่อว่าคบชู้