“อย่างนี้สิเป็นลูกพ่อแท้ ลูกพ่อกลัวผีไม่ได้” พระราชดำรัสรัชกาลที่ ๕


“อย่างนี้สิเป็นลูกพ่อแท้ ลูกพ่อกลัวผีไม่ได้” พระราชดำรัสรัชกาลที่ ๕

".... ฉันต้องยอมรับสารภาพว่า ถึงฉันจะนึกกลัวผีอยู่สักเท่าใด ก็ยังกลัวทูลกระหม่อมมากกว่า ฉันจึ่งได้สู้แขงใจ เข้าไปตามที่ทูลกระหม่อมทรงใช้..."

    ความข้างต้นเป็นพระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ที่ปรากฏในบันทึกส่วนพระองค์ที่ตีพิมพ์ในหนังสือ "ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖" เป็นข้อความในพระราชหฤทัยเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระราชบิดาตรัสใช้

สืบเนื่องมาจากเรื่องที่ว่า ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์สิ่งของสักอย่างหนึ่งที่อยู่ในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ซึ่งขณะนั้นเป็นเสมือนที่เก็บของ มีกลิ่นอับและอากาศข้างในนั้นเย็นพิลึก เป็นที่น่าวังเวงนัก พระองค์รับสั่งออกมาว่า "ลูกไปเอามาคน ๑ เถิด" แต่ไม่มีใครกล้าลุกไปสักคนเดียว เนื่องจากพระราชโอรสทั้งหลายของพระองค์นั้นกลัวผี จึงไม่มีใครกล้าสนองเบื้องพระยุคลบาท

จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงหยิบเทียนที่จุดข้างพระองค์มา ๑ เล่มพร้อมกับรับสั่งถึงเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศว่า "ชายใหญ่, เอาเทียนนี้ไป" แต่เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศพระพักตร์ซีด ไม่กล้าไป ทูลกลับมาว่าทรงกลัวผี ถ้าจะให้ไปขอผู้ใหญ่เข้าไปด้วยคนหนึ่ง รัชกาลที่ ๕ ทรงพระพักตร์บึ้งแล้วหันมาทางเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ (รัชกาลที่ ๖) แล้วตรัสว่า "โต,จะรับใช้พ่อได้หรือไม่" เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธกราบบังคมทูลว่าได้ พร้อมรับเทียนจากพระหัตถ์ ทรงพระดำเนินมุ่งหน้าไปยังพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน



หมู่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ด้านทิศตะวันตก ซ้ายมือของภาพคือ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เป็นพระที่นั่ง ๓ องค์เชื่อมต่อกัน กลาง คือพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ขวามือ คือพระที่นั่งเทพสถานพิลาศ หมู่พระที่นั่งนี้ล้อมรอบด้วยกำ แพงแก้ว มีซุ้มประตูทางเข้าอยู่กลางกำแพงแก้วเรียกว่า หอน้อย (ภาพจาก หนังสือสถาปัตยกรรมในสถาบันพระมหากษัตริย์ จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกเนื่องในมหามงคลสมัยฉลองสิริราชสมบัติ ครบ ๕๐ ปี)

      เมื่อได้ของกลับมาแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ก็ทรงกล่าวคำชมเป็นการใหญ่ พร้อมตรัสว่า "อย่างนี้สิเป็นลูกพ่อแท้ ลูกพ่อกลัวผีไม่ได้" เมื่อได้รับคำชมจากพระราชบิดา เป็นธรรมดาที่เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธจะทรงโสมนัสยิ่งนัก แต่ขณะเดียวกันพระองค์ก็สารภาพในพระทัยว่า กลัวผีก็กลัวอยู่ดอก แต่กลัวทูลกระหม่อมมากกว่า (ดังข้อความที่ยกมาแล้วข้างต้น)

กล่าวกันว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นอาจเป็นเสมือนลางบอกเหตุในการสืบราชสมบัติ เพราะปรากฏว่าต่อมาผู้ที่ได้สืบพระราชสมบัติแทนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เนื่องจากเจ้าฟ้าองค์ใหญ่คือ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศสวรรคตเมื่อพระชันษาได้ ๑๗ ปี ดังพระราชดำรัสของรัชกาลที่ ๕ ความว่า "พอพ่อใช้ชายใหญ่ให้เข้าไปในพระที่นั่งจักรพรรดิ เขาไม่ยอมเข้าไปเพราะกลัวผี, พ่อก็นึกรู้ในใจทีเดียวว่าชายใหญ่คงจะไม่มีบุญพอที่จะใช้ที่นั้นเป็นที่อยู่, แล้วก็พอโตกล้ารับใช้เข้าไปพ่อก็รู้ว่าโตคงจะต้องเป็นเจ้าแทนตัวพ่อต่อไป" แล้วก็เป็นจริงดังพระราชดำรัส

เมื่อเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติเป็น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ พระองค์มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะซ่อมแซมพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เป็นการใหญ่ จนกระทั่งสวยสง่างาม เป็นพระที่นั่งสำคัญในพระบรมมหาราชวังมาจนถึงทุกวันนี้

“อย่างนี้สิเป็นลูกพ่อแท้ ลูกพ่อกลัวผีไม่ได้” พระราชดำรัสรัชกาลที่ ๕

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อดำรงพระยศเป็นสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเทพทวารวดี ในพระราชพิธีโสกันต์ พ.ศ. ๒๔๓๕ (ภาพจาก หนังสือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร กรมศิลปากรจัดพิมพ์เนื่องในพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร วันที่ ๒๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕)

ขอบคุณ :::silpa-mag.com

“อย่างนี้สิเป็นลูกพ่อแท้ ลูกพ่อกลัวผีไม่ได้” พระราชดำรัสรัชกาลที่ ๕

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์