คุณลุงหน้า KFC เป็นใคร??

คุณลุงหน้า KFC เป็นใคร??

อนุสรณ์แห่งความล้มเหลว

 

พ่อของเขาเสียชีวิตตอนที่เขาอายุได้เพียงห้าขวบ
เขาต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ขณะอายุ 16 ปี
ตอนอายุ 17 ปี เขาแสดงความสามารถพิเศษ
ด้วยการตกงานติดต่อกันถึง 4 ครั้ง

 

เขาแต่งงานตอนอายุ 18 ปี ปีถัดมาเขาได้เป็นพ่อคน
แต่ชีวิตคู่ของเขาก็มีความ สุขอยู่ได้ไม่นานนัก
อายุ 20 ปี ภรรยาของเขาพาลูกสาวหนีไป
เพราะทนใช้ชีวิตกับ เขาไม่ได้

 

ช่วงอายุ 18-22 ปี เขาประกอบอาชีพเป็น
คนขายตั๋วรถไฟแล้วก็ล้มเหลว
แต่เขาก็ยัง ต่อสู้กับชีวิตด้วยการหาโอกาส
ให้ชีวิต แต่ทุกอย่างที่เขาทำก็ไม่วายล้มเหลว เหมือนเดิม

 

เขาสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพแต่ก็ถูกขับออกมา
หันเหมาสมัครเข้าโรงเรียนกฎหมายแต่ด้วย
ความสามารถอันเอกอุ เขาถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี

 

แล้วเขาก็ไปทำงานเป็นพนักงานขายประกัน
แน่นอนที่สุด เขาล้มเหลวอีกครั้ง (แล้ว)

 

แค่เกริ่นมาข้างต้นก็คงไม่ต้องบอกว่า
ชายคนนี้ทำอะไรไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง !
แต่ก็อย่างว่าแหละ คนเราอะไรมันจะไม่ได้เรื่องไปเสียหมด
สิ่งเดียวที่เขาพบว่า เขาทำได้ดีก็คือ การทำอาหาร
ดังนั้นเขาจึงไปทำงานเป็นพ่อครัวและคนล้างจานในร้าน
กาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ชีวิต
ที่ทรงคุณค่าอะไรเลยในความคิดของเขา

 

ชีวิตที่ร้านกาแฟ เขามีเวลามากมาย
ที่จะนั่งคิดและทำอะไรได้มากพอสมควร
แต่เขา    กลับเลือกใช้เวลานั่งคิดถึงภรรยาและลูกสาวของเขา
เขาเพียรพยายามติดต่อภรรยาและอ้อนวอน
ให้เธอกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง แต่ได้รับคำปฏิเสธ
เขาเปลี่ยนความ คิดใหม่ เขาไม่ต้องการภรรยา
อีกต่อไป ขอเพียงแต่ได้ลูกสาวกลับคืนมาก็พอ
เพราะเขา รักและคิดถึงเธอเหลือเกิน
เขาใช้เวลาว่างในร้านกาแฟวางแผนใน
การนำลูกสาวกลับคืนมาสู่อ้อมอกของตน
เขาวางแผน ทุกขั้นตอนละเอียดยิบ คำนวณทุกฝีก้าว
ในที่สุดแผนการอันแสนยาวนานก็เสร็จสิ้นลง
เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คุณพ่อวัยรุ่น
ผู้น่าสงสารซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้นอกบ้านหลังเล็กๆ ของภรรยาของ
เขา
เฝ้ามองลูกสาวของเขาเล่นอยู่หน้า
บ้านและเตรียม พร้อมที่จะ "ลักพาตัวเธอ!"

 

แล้ววันที่ตั้งใจไว้ก็มาถึง เขาซ่อนตัวอยู่หลัง
พุ่มไม้อย่างระมัดระวัง แม้จะรู้สึกกังวล ตื่นเต้น และตระหนก
อยู่บ้าง
แต่นั่นมิอาจเทียบได้กับความรักที่เขา มีต่อลูก
เขาตัดสินใจที่จะต้องลงมือทำให้สำเร็จ แต่แล้วอนิจจา
...
วันนั้นลูก สาวของเขาไม่ออกมาเล่นหน้าบ้านเลย


แม้กระทั่งความพยายามในการก่ออาชญากรรม เขาก็ยังล้มเหลว
เขารู้สึกเหมือนคนที่ พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา รู้สึกเหมือนคนไม่มีค่า
และเหมือนพระเจ้ากำหนดมาแล้วว่าเขาจะ ต้องอยู่เพียงลำพังไปตลอดชีวิต

 

แต่เหมือนปาฏิหาริย์ ในที่สุดเขาก็สามารถ
โน้มน้าวภรรยาให้กลับมาอยู่ด้วยกันได้
พวกเขาทำงานด้วยกันในร้านกาแฟแห่งนั้น
ทำอาหารและล้างจานอยู่จนกระทั่งเขาเกษียณ ตอนอายุ 65
ปี

 

วันแรกของการเกษียณอายุ เขาได้รับเช็ค
เงินประกันสังคมฉบับแรกของเขา เป็นเงิน 105 ดอลลาร์
( ราวสี่พันบาท)
เช็คดังกล่าวเหมือนเป็นตัวแทนของรัฐที่ฝาก
มาบอกเขาว่า เขาไม่อาจจะดูแลตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว
ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือใช้ชีวิต อยู่จนกระทั่ง
วาระสุดท้ายของชีวิตด้วยเงินสนับสนุนจากรัฐบาล

 

มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกถูกปฏิเสธ ล้มเหลว
เสียกำลังใจ และท้อแท้
ชีวิตของเขาได้รับความผิดหวัง
อีกครั้งหนึ่งหลังจาก 65 ปีอันยาวนาน

 

เขาบอกกับตัวเองว่าถ้าเขาดูแลตัวเอง
ไม่ได้ ต้องมีชีวิตอยู่โดยให้รัฐบาลดูแล
เขาก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอีกต่อไป     
เขาตัดสินใจ (อีกแล้ว) ว่า " จะฆ่าตัวตาย "
เขาหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นกับดินสอหนึ่งแท่ง
นั่งลงใต้ต้นไม้ในสวนหลังบ้านอย่างสงบ
    ตั้งใจที่จะเขียนคำสั่งเสียและพินัยกรรม

 

แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น กลับเหมือนมีอะไร
มาดลใจ เหมือนเป็นครั้งแรกที่ชีวิตเกิดปัญญา
เขาเริ่มต้นเขียนสิ่งที่เขาควรจะเป็น ชีวิต
ที่เขาควรจะมี    และสิ่งที่เขาปรารถนาในช่วงชีวิตสุดท้ายที่
เหลืออยู่
เขาตกใจมาก เมื่อค้นพบความจริงในชีวิตว่า  
  เขายังไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาสัก
อย่างเลย ! (เพิ่งนึกได้)

 

เขานั่งครุ่นคิดกับตัวเองอย่างจริงจัง
มีบางอย่างที่เขาสามารถทำได้
บางอย่างที่คนที่รอบตัวทำสู้เขาไม่ได้ ใช่ ! เขารู้วิธีปรุงอาหาร
ชีวิตเกือบทั้งหมดของเขา อยู่ที่หน้าเตาร้อนๆ
มาตลอด เขาตัดสินใจกับตัวเองอีกครั้ง
ในที่สุดเขาเลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำ
อะไรสักอย่างในชีวิตให้ประสบความสำเร็จ

 

เขาตั้งใจว่าถ้าเขาจะตาย เขาก็อยาก
จะตายในแบบที่ได้ลองพยายามเป็นใครสักคน
และทำบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าด้วยชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดของเขา

 

เขาลุกจากเงาไม้ มุ่งหน้าไปยังธนาคาร
ในเมือง เพื่อขอยืมเงินจำนวน 87 ดอลลาร์จากเช็คประกัน
สังคมฉบับต่อไปของเขา
ด้วยเงิน 87 ดอลลาร์นั้น
เขาซื้อกล่องเปล่าและ ไก่จำนวนหนึ่ง

 

จากนั้นเขาก็กลับไปที่บ้านและลงมือทอด
ไก่ที่ซื้อมาด้วยสูตรพิเศษที่เขาได้คิดค้น
ขึ้นมาในช่วงหลายปีที่ทำงาน
ที่ร้านกาแฟนั้น

 

เขาเริ่มขายไก่ทอดของเขาตามบ้านต่างๆ
ในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ของเขา

 

แล้วคนขายไก่ทอดอายุ 65 ปีคนนั้นก็กลาย
มาเป็นผู้พันฮาร์แลนด์ แซนเดอร์ส
ราชาผู้เป็นที่รักของอาณาจักร Kentucky
Fried Chicken หรือที่เรารู้จักกันในนาม KFC นั่นเอง

 

ตอนอายุ 65 ปี เขาเป็นเหมือนอนุสรณ์แห่ง
ความล้มเหลวที่ยังมีชีวิต แต่ในวัย 85 ปี
เขาก็กลายเป็นเศรษฐีพันล้านและมีชื่อ
เสียงไปทั่วโลก มีผู้คนให้เกียรติเขาทั่วประเทศ

 

เรื่องราวชีวิตของผู้พันแซนเดอร ์ส
เป็นอีกบทหนึ่งของเรื่องราวความสำเร็จ
ที่ได้รับคำยกย่องจากผู้คนทั่วโลก
แต่ใครจะรู้บ้างว่าหากใต้ต้นไม้วันนั้น
ผู้พันแซนเดอร์สได้ทำตามที่เขาตั้งใจไว้แต่แรก
ตำนานไก่ทอดสะท้านโลกก็คงจะไม่มีให้เราได้เห็นกัน

 

จริงอย่างที่เขาว่า ความสำเร็จกับความ
ล้มเหลวห่างกันเพียงแค่พลิกฝ่ามือ
มันอยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะ "สู้ต่อ" หรือ "ยอมแพ้"

 

สำหรับผู้พันแซนเดอร์ส 65 ปี ของชีวิตที่ล้มเหลว
เทียบคุณค่าอะไรไม่ได้เลยกับ 20 ปีแห่งความสำเร็จ

 

แล้วชีวิตของคุณหละ ล้มเหลวมากพอหรือยัง ? ****

 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์