เจ้าหญิงฟองแก้ว ทรงหย่าขาดกับสามีเพราะ ไม่ยอมแต่งกายแบบชาวสยาม

เจ้าหญิงฟองแก้ว เป็นธิดาในเจ้าน้อยบัวละวงษ์ ณ เชียงใหม่ พระบิดาถวายให้ตามเสด็จพระราชชายา เจ้าดารารัศมีตั้งแต่ยังเล็ก จึงใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในตำหนักของพระราชชายา ในพระราชวังจนเติบโตเป็นสาวรุ่นงดงามเมื่อเข้าสู่วัยสาวด้วยความงามอันเลื่องลือของเหล่าข้าหลวงนางในตำหนักพระราชชายาที่แต่งกายงามแบบชาวลานนา คือ นุ่งซิ่น ผมยาว เกล้ามวยทั้งยังเล่น ดนตรีและร่ายรำได้งดงามอ่อนช้อยจึงไม่พ้นที่จะมีบุรุษมาสนใจและมอบความรักให้ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นเหล่ามหาดเล็กน้อยใหญ่ไปจนถึงเสนาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
เจ้าหญิงฟองแก้วเองก็เช่นกัน โดยเริ่มจากเจ้าจอมมารดาชุ่มได้มาสู่ขอเจ้าหญิงให้แก่พี่ชายของท่าน แต่พระราชชายาทรงปฏิเสธ ด้วยทรงมองว่าไม่เหมาะสม(คิดว่าพี่ชายของเจ้าจอมคงจะสูงอายุพอสมควร)ต่อมากรมหมื่นปราบปรปักษ์ทรงสู่ของเจ้าหญิงฟองแก้วให้แก่โอรสของพระองค์ คือ ม.ร.ว.ปุ้ม มาลากุล ณ อยุธยา(ขณะนั้นรับราชการ กินตำแหน่งจมื่นภักดีจงขวา) และพระราชชายาทรงอนุญาต ทั้งสองจึงได้สมรสกัน มีบุตรชายหนึ่งคน คือ มล. เทียม มาลากุล ณ อยุธยา
ด้วยทัศนคติของชาวกรุงสมัยนั้น มองว่าเชื้อสายทางฝ่ายเหนือทั้งหมดนั้นเป็น ลาว และค่อนข้างจะมองไปในแง่ลบ คือเหยียดหยามว่าต่างชั้นและต้อยต่ำกว่าชาวสยาม เพราะเป็นเพียงประเทศราชเท่านั้น ผู้ใหญ่ทางฝ่ายสามีจึงไม่ใคร่จะพอใจในการสมรสกันของทั้งสองนัก ด้วยอับอายที่จะต้องตอบคำถามแก่ผู้คนในสังคม ถึงสาเหตุที่มีสะใภ้เป็นลาว จึงบังคับให้เจ้าหญิงฟองแก้วตัดผมแบบชาวสยามทั่วไป คือ ทรงดอกกระทุ่มจอนยาวและแต่งกายแบบชาวสยามทั่วไปเพื่อขจัดคำครหาแทนที่ม.ร.ว.ปุ้มผู้เป็นสามีจะปกป้องภรรยาของตนกลับยื่นคำขาดแก่เจ้าหญิงฟองแก้วให้ตัดผมทิ้งเสียและเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้เหมือนคนอื่นทั่วไปไม่เช่นนั้นจะแยกทางกับเจ้าหญิงเพื่อล้างความอับอายที่มี
เจ้าหญิงฟองแก้วนั้นแม้จะรักบุตรมากแต่ไม่ทรงคิดจะละทิ้งความเป็นลานนาของตนจึงนำความกราบทูลพระราชชายาซึ่งพระองค์ทรงกริ้วมาก และให้เจ้าหญิงแยกทางกับสามี มาอยู่ที่ตำหนักกับพระองค์เช่นเดิม โดยรับหน้าที่เป็นต้นห้องแทนคุณหญิงบุญปั๋นเทพสมบัติที่ออกเรือนไปเจ้าหญิงฟองแก้วจึงกลับมารับใช้พระราชชายาอีกครั้ง และพยายามจะนำบุตรชายมาเลี้ยงเอง แต่ ทางม.ร.ว.ปุ้มไม่ยินยอม ท่านจึงใช้ชีวิตอยู่ในตำหนักและตามเสด็จพระราชชายาต่อมาได้สมรสกับเจ้าวุฒิ ณ ลำพูน แต่ก็ได้แยกกันอยู่อีกครั้งและท่านก็ใช้ชีวิตเพียงลำพังจนกระทั่งท่านเสียชีวิตลง ด้วยวัย40เศษๆเท่านั้น
การกระทำของเจ้าหญิงฟองแก้วนั้นแสดงให้เห็นถึงความยึดมั่นในประเพณีของตนไม่คิดจะละทิ้งตามค่านิยมแห่งยุคสมัยที่กร้ำกรายเข้ามาหากคนไทยคิดได้เหทือนเจ้าหญิงแห่งลานนาท่านนี้ขนบธรรมเนียมประเพณีความเป็นไทยของเราคงไม่ถูกค่านิยมแห่งยุคสมัยกลืนกินแบบทุกวันนี้แน่นอนค่ะ

เจ้าหญิงฟองแก้ว ทรงหย่าขาดกับสามีเพราะ ไม่ยอมแต่งกายแบบชาวสยาม

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์