เตียวหยุน จูล่ง - สุภาพบุรุษนักรบ

เตียวจูล่ง จาก Dynasty Warriorเตียวจูล่ง จาก Dynasty Warrior

        สุภาพบุรุษจากเชียงสาน ผู้กล้ากลางสมร
เสือร้ายแห่งเตียงปัน ยากไร้ แต่ใช่จะตื่นทอง ผู้ติดเดือยทอง

ต้องขอขอบคุณ ยาขอบ นักเขียนในดวงใจคนหนึ่งของฉัน ที่ได้ให้สมญานามแก่ผู้กล้าท่านนี้ไว้มากมาย และยังมีอีกมากที่ฉันจำได้ไม่หมด ซึ่งเน้นไปทางการแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญไม่เป็นสองรองใครในฐานะยอดขุนศึก แต่ก็แฝงไว้ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนสมเป็นสุภาพบุรุษ
เตียวหยุน จูล่ง ซึ่งคนไทยนิยมเรียกชื่อรองมากกว่านั้น เป็นยอดขุนศึกชาวจีน ซึ่งมีชีวิตโลดแล่นอยู่ในยุคสงครามที่โด่งดังที่สุดอย่างสามก๊ก โดยถ้าข้อมูลฉันไม่ผิดพลาด เขาจะมีอายุอยู่ในระหว่างปี ค.ศ. 157 229 รวมอายุได้ 72 ปี
ประวัติโดยย่อ
เตียวหยุน ชื่อรอง จูล่ง เกิดที่อำเภอเจินติ้ง จังหวัดเสียงสาน เมื่อครั้งที่เขาเกิดขึ้นมานั้นมีเมฆขาวก้อนใหญ่ลอยเด่นอยู่เหนือนภาของดอยเสียงสาน บิดาจึงได้ตั้งชื่อว่า หยุน ซึ่งแปลว่าเมฆ
เกี่ยวกับชื่อนี้คนไทยกับคนจีนนั้นอ่านไม่เหมือนกัน ชื่อ
เตียวหยุนนั้น หากอ่านแบบจีนจะสามารถอ่านได้ว่า จ้าวหยุน

จนเมื่อเติบใหญ่เขียนได้ จึงมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า เตียวจูล่ง
     อาจเพราะเกิดมาในวันที่มีเมฆขาวโดดเด่นและมีคำว่าเมฆอยู่ในชื่อ จึงทำให้ จูล่ง ชอบสีขาวเป็นพิเศษ โดยมักจะสวมเสื้อผ้าสีขาว แม้แต่ม้าที่ขี่ก็ยังชอบสีขาว ซึ่งในภายหลังนั้นยามที่อยู่ในสนามรบ หากมีนักรบที่สวมชุดขาวและมีขี่ม้าสีขาวอยู่หน้ากองทัพล่ะก็ เหล่าข้าศึกถึงกับพากันกลัวหัวหด เพราะเป็นที่รู้กันว่านั่นคือเอกลักษณ์ประจำตัวของแม่ทัพเตียวจูล่ง
ช่วงที่เขาเกิดมานั้นแผ่นดินเริ่มเกิดความวุ่นวายจากไฟสงครามภายในประเทศซึ่งเป็นผล  มาจากความเหลวแหลกของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก เหล่าเด็กหนุ่มลูกผู้ชายอย่างเขาจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการที่จะใช้ชีวิตรอด ด้วยเหตุนี้เขาจึงเริ่มฝึกฝนการขี่ม้ายิงธนู การใช้อาวุธ ทั้งทวนและดาบจนเชี่ยวชาญ
เมื่อโตเป็นหนุ่มฉกรรจ์ อายุประมาณ 24-25 ปี เขาได้กลายเป็นหัวหน้าของเหล่าคนหนุ่มในอำเภอ ซึ่งมีราวร้อยกว่าคน ในช่วงนั้นเองที่เกิดกบฏโพกผ้าเหลืองลุกฮือทั่วประเทศขึ้น ราชสำนักไม่มีกำลังเพียงพอที่จะปราบปราม โดยเฉพาะตามหัวเมืองทั่วไป
เขาจึงได้ปรึกษาเหล่าพรรคพวกว่าสมควรที่จะรวมกลุ่มขึ้นมาแล้วไปสมัครเป็นทหารเข้าร่วมกับกองกำลังของขุนศึกคนใดคนหนึ่งเพื่อช่วยยุติความวุ่นวายนี้ ซึ่งโดยส่วนมากแล้วคนที่อยู่ในเมืองและอำเภอละแวกเดียวกับจูล่งนั้นมักจะไปเข้ากับกองกำลังของอ้วนเสี้ยวหรือไม่ก็ของกองซุนจ้าน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็เป็นขุนศึกใหญ่มีชื่อของยุคนั้น
จูล่งได้ไปเข้าสังกัดของอ้วนเสี้ยวแต่อยู่ได้ไม่นานก็ปลีกตัวออกมา แล้วไปเข้ากับกองซุนจ้านแทนเพราะเขาเห็นว่าเจ้านายอย่างอ้วนเสี้ยวไม่เหมาะสม
ในตอนที่จะมาอยู่กับกองซุนจ้านนั้นถือเป็นการเปิดตัวจูล่งเป็นครั้งแรกในหนังสือสามก๊ก ซึ่งถือเป็นวีรกรรมครั้งแรกของเขาด้วย
      กล่าวคือในการรบครั้งหนึ่งระหว่างกองซุนจ้านและอ้วนเสี้ยวนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายได้ปะทะกันที่สะพานศิลาแห่งหนึ่ง กองซุนจ้านเป็นฝ่ายพลาดพลั้งเสียทีถูกบุนทิวทหารเอกของอ้วนเสี้ยวไล่ต้อนจนตัวเอง
ต้องขี่ม้ากระเจิงมาเพียงลำพัง และมุ่งที่จะข้ามสะพานหนีไปยังอีกฝั่ง
ตอนนั้นเองที่ได้มีนายทหารหนุ่มชุดขาวหน้าใส ขี่ม้าถือทวนเข้ามาขวางบุนทิวไว้ บุนทิวนั้นได้ชื่อว่าเป็นจอมทวนแห่งยุคในขณะนั้นก็คิดว่าจะสามารถเอาชนะนายทหารหนุ่มไร้ชื่อได้ง่ายๆ แต่หลังจากปะทะไปไม่กี่เพลงก็คาดผิด เพราะนอกจากนายทหารหนุ่มคนนั้นจะต้านทานตนเองไว้ได้แล้ว ยังเล่นงานเขาจนเกือบจะพ่ายแพ้ ร้อนจนงันเหลียงทหารเอกของอ้วนเสี้ยวอีกคนที่ขี่ม้าตามมามาช่วยเอาบุนทิวออกไป
     หลังจากเล่นงานบุนทิวจนถอยกลับไปได้แล้วเขาก็พากองซุนจ้านหนีมาที่สะพานอีกฝั่งเพื่อมาสมทบกับกองทัพของกองซุนจ้าน
นักรบหนุ่มคำนับกองซุนจ้าน กองซุนจ้านพิเคราะห์ดูเขาก็รู้สึกพิศวงต่อใบหน้าเกลี้ยงเกลาขาวสะอาด ดูไม่มีลักษณะของคนที่อยู่ในสนามรบมาก่อน นักรบหนุ่มประกาศชื่อตนเองว่า ชื่อ เตียวหยุน จูล่ง เป็นชาวเมืองเสียงสาน เดิมเคยสังกัดทัพอ้วนเสี้ยว แต่อ้วนเสี้ยวเป็นคนหยาบช้าจึงคิดผละจากมาและมารับขอรับใช้กองซุนจ้านแทน
หลังจากนั้นกองซุนจ้านให้จูล่งเป็นผู้ควบคุมและฝึกสอนกองทหารม้าในกองทัพของตน โดยในยุคนั้นกองทหารม้าของกองซุนจ้านได้ชื่อว่าเป็นกองทหารม้าที่แข็งแกร่งที่สุด โดยตัวกองซุนจ้านนั้นถึงกับได้ฉายาว่าเป็นอัศวินม้าขาว และการที่ได้จูล่งซึ่งเป็นยอดทหารม้าแห่งยุคไปอยู่ด้วย ก็ทำให้เขากลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ทางตอนเหนือเทียบเคียงกันกับอ้วนเสี้ยว แต่เพราะความที่เขาไม่ได้ให้จูล่งได้ใช้ความสามารถของตนอย่างเต็มที่ และตัวกองซุนจ้านเองนั้นความจริงก็ไม่ได้ต่างจากอ้วนเสี้ยวท่าใดนัก จึงทำให้เขาไม่อาจยิ่งใหญ่ได้มากกว่านี้และมีจุดจบที่ไม่ดีนัก
     จากนั้นไม่นานจูล่งก็ได้พบกับผู้ที่จะทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงในภายหลัง คนผู้นี้มีลักษณะเด่นทางกายอย่างหนึ่งนั้นคือมือยาวถึงเข่า หูยืดยาน ท่าทางนอบน้อมต่อผู้คน เขาก็คือเล่าปี่
ตอนนั้นเล่าปี่เป็นขุนศึกผู้หนึ่งที่มุ่งหวังจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินเช่นเดียวกับคนอื่นเพียงแต่ยังไม่มีฐานกำลังเป็นของตัวเองได้แต่ไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ซึ่งกองซุนจ้านก็เป็นคนหนึ่งที่เขามาขอพึ่งพิงด้วย
       กองซุนจ้านนั้นเคยเป็นเพื่อนในสมัยเรียนของเล่าปี่ จึงรับเล่าปี่กับน้องร่วมสาบานอีกสองคนซึ่งเป็นยอดนักรบที่โด่งดังอย่างกวนอูและเตียวหุย โดยให้พวกเขาเป็นผู้ควบคุมทหารจำนวนหนึ่ง และยกอำเภอผิงหยวนให้ดูแล และส่งจูล่งไปช่วยฝึกสอนทหารม้าให้
และตอนนี้เองที่เล่าปี่ได้พบและร่วมงานกับจูล่ง
เล่าปี่ประทับใจในความเก่งกาจและความสุภาพชนของจูล่ง จึงพยายามทาบทามจูล่งให้มาอยู่ด้วยกันกับตน ตัวจูล่งเองก็รู้สึกประทับใจอะไรบางอย่างในตัวเล่าปี่ แต่เขาก็ปฏิเสธไปเพราะเขาให้เหตุผลว่าตัวเขาได้พูดไปแล้วว่าจะรับใช้กองซุนจ้าน จึงไม่ควรกลับคำพูด ซึ่งทำให้เล่าปี่ประทับใจในคุณธรรมของเขามากขึ้นไปอีก
     ภายหลังต้องลาจากเล่าปี่กลับไปช่วยงานกองซุนจ้านที่กำลังเตรียมรบกับอ้วนเสี้ยว ซึ่งก่อนลานั้นเล่าปี่ถึงกับร้องไห้หนักที่ต้องจากจูล่ง ซึ่งจูล่งเองนั้นคงจะประทับใจมากจนพูดในทำนองที่ว่าหาก           กองซุนจ้านต้องมีอันเป็นไป เขาจะขอมาอยู่กับเล่าปี่แทน
ในความรู้สึกของจูล่งนั้น เขาคงคิดว่าตนเองได้พบนายที่แท้จริงแล้ว
จูล่งกลับมาอยู่กับกองซุนจ้านแต่กองซุนจ้านกลับไม่ได้ให้เขาเป็นแม่ทัพหน้า ซึ่งผลของมันนั้นหนักหนามากเมื่อกองซุนจ้านรบแพ้      อ้วนเสี้ยวจนต้องถอยหนีไปอยู่ที่เมืองอี้จิง
ภายหลังจูล่งต้องกลับบ้านเกิดเพื่อไปไว้ทุกข์ให้พี่ชายที่ตายไปตามธรรมเนียมจีนโบราณ ซึ่งฉันไม่แน่ใจว่าต้องไว้ทุกข์เป็นเวลากี่ปี แต่ในช่วงนี้เองที่จูล่งได้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์อย่างน้อยๆก็      3-4 ปี ซึ่งโดยส่วนตัวนั้นฉันคิดว่าจูล่งเองคงจะรู้สึกตัวแล้วว่า   กองซุนจ้านก็ไม่ได้ต่างจาก   อ้วนเสี้ยวที่เขาจากมาเลย จึงหายหน้าไปนานขนาดนั้น
      ปี ค.ศ. 196 ผลจากการที่ไม่มีจูล่งอยู่คอยให้คำแนะนำ ทำให้กองซุนจ้านทำตัวเหลวแหลกเมื่อตอนแก่ และต้องฆ่าตัวตายพร้อมกับลูกเมียอย่างน่าเศร้าเมื่ออ้วนเสี้ยวยกทัพใหญ่มาประชิดเมือง
ปี ค.ศ. 200 จูล่งได้กลับเข้ามาในหน้าประวัติศาสตร์อีกครั้งเมื่อเขาได้พบกับเล่าปี่ ที่หนีจากอ้วนเสี้ยวมา และได้เข้าร่วมกับเล่าปี่
    นับจากนี้เป็นต้นไปจูล่งก็ได้อยู่ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ของเล่าปี่และครอบครัวตราบไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
วีรกรรมที่โดดเด่นที่สุดของจูล่ง คือ ตอนจูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า














เตียวหยุน จูล่ง - สุภาพบุรุษนักรบ


เตียวหยุน จูล่ง - สุภาพบุรุษนักรบ


หลุมฝังศพจูล่งบนภูเขาชินปิงหลุมฝังศพจูล่งบนภูเขาชินปิง


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์