มัจจุราช..แพ้กำลังใจ จากปากผู้ชายใกล้ตาย

มัจจุราช..แพ้กำลังใจ จากปากผู้ชายใกล้ตาย

"ไม่มีชะตาของฟ้าหรือกรรมเวรอะไรมากำหนดเราได้"

จากคำพูดของ "หนุ่ม" นายก่อเกียรติ จรีอาภาภรณ์ วัย 35 ปี
ที่ต่อสู้กับโรคร้ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิด "มะเร็งลำไส้" และ "มะเร็งตับ" ที่อยู่ในขั้นระยะสุดท้าย ณ วันนี้ 4 เดือนที่ผ่านมา เขาและครอบครัวได้ต่อสู้เพื่อเอาชนะมะเร็ง เพราะแรงจูงใจ และความปรารถนาสูงสุดที่ปณิธานไว้ คือ "ผมไม่ยอมตาย จะอยู่เพื่อภรรยา และลูก"

นายก่อเกียรติบอกว่า อาการเกิดขึ้นจากการปวดท้อง ระบบขับถ่ายไม่เป็นปกติ จึงไปตรวจผลปรากฏว่า "เป็นมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่และลามไปที่ตับ
และมีโอกาสรอดชีวิตแค่ 50% เท่านั้น" เนื่องจากอยู่ในขั้นระยะสุดท้ายแล้ว

เมื่อยังมีโอกาสรอด ชีวิตยังไม่สิ้นหวัง บวกกับความเป็น "ผู้นำของครอบครัว" กำลังใจที่ล้นปรี่ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ลูกสาววัย 2 ขวบ ที่กำลังหัดพูดได้อย่างคล่องแคล่วมาให้กำลังใจคุณพ่อ และกำลังใจจากการกุมมือของภรรยา ทำให้เขาฮึดที่จะผ่านความเจ็บปวดนี้ให้ได้

"พี่สัญญาว่า พี่จะไม่ยอมตาย พี่จะต้องมีชีวิตอยู่" ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับภรรยาก่อนที่จะสลบเพราะฤทธิ์ยาสลบ


มัจจุราช..แพ้กำลังใจ จากปากผู้ชายใกล้ตาย

การผ่าตัดครั้งแรกผ่านไปด้วยดี นายก่อเกียรติ รู้สึกเหมือนฟื้นขึ้นมาใหม่ ลืมตาขึ้นมาก็เจอกับครอบครัวอันเป็นที่รัก แม้ความรู้สึกที่เจ็บแผลยาว 1 ฟุต จากการผ่าตัดจะทำให้ปวดร้าวไปถึงหัวใจ แต่เขาก็ผ่านพ้นมาได้

แต่พักฟื้นได้ไม่นาน เขาก็รู้ว่า ส่วนมะเร็งตับนั้นที่เป็นระยะสุดท้าย ไม่สามารถที่จะทำการผ่าตัดใดๆ ได้ทั้งสิ้น ต้องรักษาด้วยเคมีบำบัดเท่านั้น

"ผมถามคุณหมอว่า ผมเหลือเวลาอีกเท่าไร คุณหมอบอกว่าไม่เกิน 3 เดือน เหมือนสายฟ้าฟาด แต่ครั้งนี้ผมกับภรรยาไม่มีน้ำตาสักหยด ภรรยาได้บอกกับผมว่า สู้นะพ่อ เขาจะอยู่ข้างๆ แล้วลูกของเราก็รอพ่ออยู่"

ก่อนการเข้ารักษามะเร็งตับ ผู้นำครอบครัวได้กลับไปพักฟื้นที่บ้านเพื่อรอการรักษา แต่ในระยะเวลาไม่กี่อาทิตย์ ที่พวกเขาได้เติมเต็มความสุข 3 คนพ่อแม่ลูก จู่ๆ ก่อเกียรติก็มีอาการอาเจียน เวียนหัวตลอดเวลา เมื่อพบหมอผลปรากฏว่า มีพังผืดเกิดขึ้นและไปพันตรงลำไส้อาหาร ต้องเข้ารับการผ่าตัดเป็นครั้งที่ 2 แต่พักฟื้นได้ไม่นาน เขาก็ต้องไปพบกับหมอที่รักษามะเร็งตับต่อ ด้วยการเข้ารับการทำเคมีบำบัด คือการกินยาเม็ดติดต่อกัน มื้อละ 3 เม็ด จำนวน 3 มื้อต่อวันเป็นเวลา 21 วันต่อเดือน ให้ทานเป็นเวลา 5-6 เดือน

มัจจุราช..แพ้กำลังใจ จากปากผู้ชายใกล้ตาย

"ผมดูแลตัวเอง และครอบครัวให้มีความสุข โดยไม่สนใจวันเวลาที่มันเดินหน้าโดยไม่มีการหยุดรอให้กับครอบครัวผมเลย ผมบอกภรรยาว่า สามารถเลิกกับผมก็ได้ เพราะผมสงสารเธอมากๆ ที่ต้องมาลำบากกับผม แต่เธอบอกว่า พร้อมที่จะสู้ไปพร้อมๆ กับผม เรา 2 คนต้องได้จูงมือลูกเข้าโรงเรียนในวันแรกด้วยกัน"

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้รับการฉายแสง ครั้งแรก ครั้งที่สองผ่านไปด้วยดี

แต่เมื่อฉายแสงผ่านไป 8 ครั้ง นายก่อเกียรติเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย ระบบการขับถ่ายแปรปรวนเหมือนคนท้องเสีย เบื่ออาหารรุนแรง นอนไม่หลับ อาการเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
จนถึงครั้งที่ 14 เหมือนมีสัญญาณบางอย่างเตือนว่าเวลาของเขาใกล้จะหมดแล้ว เขาได้สั่งเสียภรรยาเรื่องการจัดงานศพ

"ภรรยา และลูกสาวอยู่ข้างๆ ผมตลอดทุกคืน เธอกอดผมและบอกว่า พ่อต้องสู้ พ่อต้องชนะมัน ถ้าไม่มีพ่อแล้วลูกจะอยู่อย่างไร ใครจะเป็นคนจูงมือลูกเข้าโรงเรียนวันแรก มันทรมานมาก บอกกับตัวเองตลอดว่า "เรายังตายไม่ได้" ซ้ำๆ แบบนี้ทุกวัน แม้จะเจ็บปวดทรมาน แต่เหมือนมีปาฏิหาริย์ กระบวนการฉายแสงครบ 28 ครั้ง ทำให้มีความรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม อาการหลายๆ อย่างที่เคยแพ้ หายไปจนหมดสิ้น"

แต่ ณ วันนี้ ขั้นตอนการรักษาด้วยเคมีบำบัดยังมีต่อเนื่องไปจนถึงเดือนธันวาคม เมื่อถึงเวลานั้น ถึงจะรู้ว่า เขาสามารถเอาชนะ "มะเร็งระยะสุดท้าย" นั้นได้จริงๆ

แต่ที่ผ่านมาเป็นการพิสูจน์แล้วว่า เขา อยู่ได้ด้วยกำลังใจ และความรักที่ยิ่งใหญ่จากครอบครัวจึงสามารถเอาชนะความเจ็บปวดรวดร้าวนี้ไปได้ ดั่งที่เขาบอกไว้ว่า

"ผมกำหนดชะตาชีวิตไว้แล้ว ว่าผมต้องการมีชีวิตอยู่ ผมก็สู้เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ กำลังใจและพลังของเราพร้อมกับคนที่รักเราเท่านั้นที่จะชนะมันได้"

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์