12 ธันวาฯ ชมพระจันทร์ดวงโตสุดในรอบปี
ราชบัณฑิตดาราศาสตร์ เชิญชวนคนไทยชมมนต์เสน่ห์ของพระจันทร์วันเพ็ญที่ 12 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นวันพระใหญ่ ดวงจันทร์โคจรใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี
โดยอาจารย์นิพนธ์ ทรายเพชร ราชบัณฑิตทางด้านดาราศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กล่าวว่า การสังเกตดวงจันทร์ในแต่ละวัน จะได้เรียนรู้ว่ารูปร่างของดวงจันทร์ที่ปรากฏไม่คงที่ ตำแหน่งที่ปรากฏก็ไม่เหมือนเดิม ก็จะช่วยให้เราเข้าใจปรากฏการณ์ข้างขึ้นข้างแรมได้
มนุษย์เราได้นำการสังเกตรูปร่างดวงจันทร์แบบนี้มาทำปฏิทินข้างขึ้นข้างแรม หรือเรียกว่า “ปฏิทินทางจันทรคติ” ปู่ย่าตาทวดเราใช้ปฏิทินตามการดูดวงจันทร์นี้มานาน
รูปร่างของดวงจันทร์มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับสังคมไทยมาเนิ่นนาน เพราะใช้ดวงจันทร์กำหนด “วันพระ” ซึ่งมี 4 วันคือ “วันพระใหญ่” 2 วัน ตรงกับ วันขึ้น 15 ค่ำ ดวงจันทร์เต็มดวง และวันแรม 14 ค่ำ หรือ 15 ค่ำ ซึ่งมองไม่เห็นดวงจันทร์ นับเป็นวันพระใหญ่เหมือนกัน
ส่วน “วันพระเล็ก” ก็มี 2 วัน ถ้าเห็นดวงจันทร์ครึ่งดวง จะตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำ ดวงจันทร์ขึ้นสูงสุดเป็นรูปครึ่งวงกลม หันด้านนูนไปทางตะวันตก นับเป็นวันพระเล็ก วันพระเล็กอีกวันคือแรม 8 ค่ำ เวลาเช้าตรูจะเห็นดวงจันทร์อยู่สูง เป็นรูปครึ่งวงกลม หันด้านนูนไปทางตะวันออก
ดวงจันทร์มีส่วนทำให้เกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคา และมีอิทธิพลทำให้เกิดน้ำทะเลขึ้นลง หรือ “น้ำขึ้น -น้ำลง” ชาวประมงใช้วิธีการสังเกตดวงจันทร์เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านสืบทอดกันมา เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ
“ช่วงเวลาการเกิดน้ำขึ้นน้ำลงอาจดูได้จากตำแหน่งดวงจันทร์ คือถ้าเห็นดวงจันทร์อยู่ที่ขอบฟ้าน้ำมักจะลง ถ้าเห็นดวงจันทร์อยู่สูงมาก น้ำจะขึ้น ถ้าดวงอาทิตย์มาหนุนช่วยก็จะทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงมากเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะวันขึ้นหรือแรม 15 ค่ำ หรือวันที่ใกล้เคียงกับวันพระใหญ่ น้ำทะเลจะขึ้นมาก ลงมาก เพราะดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์อยู่ในแนวเดียวกัน เรียกว่า วันน้ำเกิด แต่ถ้าเป็นวันพระเล็กน้ำขึ้นน้ำลงจะน้อย เรียกว่า วันน้ำตาย”
ทั้งนี้ วันที่ 12 ธันวาคม 2551 ซึ่งเป็นวันพระใหญ่ ดวงจันทร์จะอยู่ใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงมากกว่าวันพระใหญ่อื่น ๆ และจะเห็นดวงจันทร์ดวงใหญ่กว่าปกติ โดยเฉพาะเวลาประมาณเที่ยงคืน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ