สาว ๆ อาจรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ หากวันที่จะต้องเดินทางไกล ไปเที่ยวทะเล ไปเข้าค่าย หรือวันสำคัญในชีวิต คือ วันแต่งงาน แล้วบังเอิญเป็นช่วงประจำเดือนมาพอดี
ดังนั้นหลายคนจึงต้องวางแผน ด้วยการไปซื้อ "ยาเลื่อนประจำเดือน" มากินล่วงหน้า แต่อย่างว่าคนไม่เคยใช้ ก็ย่อมวิตกกังวลเป็นธรรมดา ว่าจะมีผลข้างเคียงอะไรตามมาหรือเปล่า
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศ.นพ.อภิชาติ จิตต์เจริญ ภาควิชาสูติศาสตร์ - นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยา ลัยมหิดล บอกว่า ยาเลื่อนประจำเดือน ถ้ามีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนอย่างเดียว เรียกว่า "แบบเดี่ยว" แต่ถ้าเป็น “แบบผสม” จะมีทั้งโปร เจสโตเจนและเอสโตเจนรวมกัน ซึ่ง "แบบผสม" อาจมีผลข้างเคียงมากกว่า โดยทั่วไปที่ใช้กันอยู่จึงเป็นชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนตัวเดียว
ปกติการใช้ยาเลื่อนประจำเดือนจะไม่ใช้กันพร่ำเพรื่อ จะใช้ลักษณะชั่วครั้งชั่วคราว ในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ เช่น ต้องเดินทางไปท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมสำคัญ ๆ โดยต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
น่ารู้ เรื่องยาเลื่อนประจำเดือน
วิธีการใช้ จะต้องกินยาล่วงหน้าอย่างน้อย 4-5 วัน หรือ 1 สัปดาห์
เพราะถ้าไปกินในช่วงวันใกล้มีประจำเดือนอาจจะไม่ได้ผล กินยาวันละ 2 เม็ด ตอนเช้าและตอนเย็น ติดต่อกันในขนาดที่กำหนด แต่ไม่ควรเกิน 10-14 วัน เพราะการใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้มีเลือดออกกะปริบกะปรอย และรอบเดือนมาผิดปกติได้
เมื่อหยุดยาแล้ว ประจำเดือนจะไม่มาทันที อีกประมาณ 2-3 วันต่อจากนั้น ประจำเดือนจึงจะมาตามปกติ
สำหรับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการกินยาเลื่อนประจำเดือน เช่น บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เป็นบางเวลา หรือ อาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอย ส่วนผลข้างเคียงอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรน่ากลัว ถือว่ามีความปลอดภัย
บางคนที่เคยกินยาเลื่อนประจำเดือนบอกว่า ผลข้างเคียงของยาทำให้รอบเดือนแปรปรวน ?
ศ.นพ.อภิชาติ กล่าวว่า ก็อาจเกิดขึ้นได้ จากระดับฮอร์โมนที่ร่างกายได้รับเข้าไป ด้วยเหตุนี้จึงไม่แนะนำให้ใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
นอกจากยาเลื่อนประจำเดือนออกไปแล้ว มียาเลื่อนประจำเดือนให้เร็วขึ้นหรือไม่ ? ศ.นพ.อภิชาติ กล่าวว่า ก็มี แต่การเลื่อนเข้ามาจะยากกว่า ส่วนใหญ่จะไม่ทำกัน โดยมากจะเลื่อนประจำเดือนออกไปมากกว่า โดยในการเลื่อนประจำเดือนเข้ามานั้น จะให้กินยาเม็ดคุมกำเนิด พอหยุดยา เลือดก็จะออกมา