“สมอง” ก็เหมือนร่างกายที่ต้องการความแข็งแรง ดังนั้นจึงต้องออกกำลังกายสมองอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันภาวะสมองเสื่อม ในงานประชุมด้านเทคโนโลยีชีวภาพในภูมิภาคเอเชีย “ไบโอเอเชีย 2008” ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้ไขข้อข้องใจนี้โดย ดร.แกรี่ สมอล อาจารย์ด้านวิทยาศาสตร์พฤติกรรมและจิตเวช และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเกี่ยวกับอายุรศาสตร์และความจำ จากมหาวิทยาลัยยูซีแอลเอ สหรัฐอเมริกา ได้อธิบายว่า จากการวิจัยเกี่ยวกับโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ พบว่าการรักษาโรคนี้ที่ดีที่สุดคือ การตรวจให้รู้ตั้งแต่ เนิ่นๆ และการป้องกัน 3 วิธีง่ายๆ คือ เริ่มจากตรวจสแกนสมองด้วยเครื่องเพ็ท เพื่อดูว่ามีการจับของสารบ่งชี้สมองเสื่อมชื่อ FDDNP มากเพียงใด การตรวจหายีนบ่งชี้อัลไซเมอร์ “อะโปอี 4” และการตรวจด้วยการให้ทำแบบทดสอบสมอง
สมองแก่ แก้ได้ด้วยตัวเอง
ดร.แกรี่ยังบอกอีกว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โรคสมองเสื่อมนี้มีอยู่ได้หลายแบบหลายชนิด โดยไม่จำเป็นต้องเป็นอัลไซเมอร์เสมอไป พูดง่ายๆคือ อัลไซเมอร์เป็นสมาชิกของโรคสมองเสื่อม แต่โรคสมองเสื่อมไม่จำเป็นต้องเป็นอัลไซเมอร์เสมอไป อาจเกิดจากหลอดเลือดตีบ โรคพันธุกรรมหรือแม้แต่จากยาบางชนิดก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญคือ การป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดภาวะสมองเสื่อม โดยการรู้เท่าทันสาเหตุแห่งการเกิดเสียก่อนว่า เกิดจากอะไร ซึ่งสาเหตุหลักของสมองเสื่อมมี 4 ประการคือ อายุมากขึ้น มีประวัติครอบครัวญาติใกล้ชิดเป็นสมองเสื่อม เคยประสบอุบัติเหตุสมองกระทบกระเทือน และมียีนสมองเสื่อม “อะโปอี 4” อยู่ ส่วนเทคนิคในการป้องกันสมองเสื่อมนั้น ดร.แกรี่เปิดเผยว่า ใช้หลักเดียวกับเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ หรือ Anti Aging คือเน้นที่การปรับวิถีชีวิตก่อนโดยไม่พึ่งยา ยกเว้นว่า มีอาการสมองเสื่อมรุนแรงจริงๆ ซึ่งเทคนิคการป้องกันมีง่ายๆคือ รับประทานอาหารประเภทปลา ผักและผลไม้ โดยพบว่า คนญี่ปุ่นที่นิยมบริโภคปลาทำให้ มีสมองค่อนข้างดี ขณะที่คนอินเดียก็มีอัตราป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์จำนวน 1 ใน 100
เนื่องจากคนอินเดียนิยมบริโภคขมิ้นซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงสมอง การออกกำลังกายก็มีส่วนช่วยเพิ่มเลือดไปเลี้ยงสมอง นอกจากนี้ต้องมีการฝึกสมองให้จำได้ดีขึ้น โดยใช้เทคนิคดูจับภาพ และเชื่อมโยง เช่น ถ้าต้องออกไปจับจ่ายสิ่งของ ให้นึกถึงสิ่งที่จะต้องเจอและเชื่อมโยงภาพทำให้ไม่ลืม สุดท้ายคือ อย่าเครียด เพราะความเครียดจะทำลายเนื้อสมองส่วนความจำ !!