วัณโรคเป็นโรคติดต่อเรื้อรัง ทำให้มีการอักเสบในปอด ซึ่งในผู้ใหญ่มักจะพบส่วนใหญ่เป็นที่ปอด ในเด็กอาจเป็นที่อวัยวะอื่นร่วมด้วย เช่น ต่อมน้ำเหลือง เยื่อหุ้มสมอง กระดูก
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis ซึ่งเป็น acid fast bacillus (AFB) ย้อมติดสีแดง ซึ่งจะมีอยู่ในปอดของผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษา และส่วนใหญ่ของเด็กที่ติดเชื้อ จะไม่มีอาการของโรคเมื่อทดสอบทูเบอร์คิวลินได้ผลบวก (ซึ่งเป็นการแสดงว่าเด็กติดเชื้อวัณโรค)
การตรวจ X- rays ของปอดก็จะไม่พบผิดปกติในระยะแรก ถ้าเด็กมีสุขภาพและภาวะโภชนาการดี โรคจะยังไม่เกิดขึ้นทันทีเมื่อได้รับเชื้อ อาการที่จะพบได้เร็วที่สุดประมาณ 1 - 6 เดือนหลังติดเชื้อ ที่จะพบได้บ่อย คือ มีต่อมน้ำเหลืองโตที่ขั้วปอด ที่คอ และที่อื่น ๆ แล้วจึงพบผิดปกติที่ปอดและอวัยวะอื่น ๆ
ปัจจุบันมียารักษาวัณโรคที่ได้ผลดีหลายชนิด การรักษาจะให้ยาร่วมกันอย่างน้อย 3 ชนิด เพื่อลดอัตราการดื้อยา และเพิ่มประสิทธิภาพของยา
ยาที่ใช้ได้แก่ Streptomycin, Pyrazinamide, Rifampin, Isoniacid, Ethambutol การรักษาจะได้ผลดีถ้ามารับการรักษาเสียแต่ระยะเริ่มแรก และจะต้องกินยาอย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน และจะต้องดูแลให้พักผ่อนและให้อาหารที่มีโปรตีนสูงและมีไวตามิน เพื่อช่วยเพิ่มความต้านทานโรค
โลกน่าห่วง เมื่อวัณโรคดื้อยา !!!
แต่ล่าสุดทางด้าน ผอ.องค์การอนามัยโลก หรือ "ดับเบิลยูเอชโอ" เปรียบภาวะเชื้อวัณโรคดื้อยาเหมือนกับระเบิดเวลาที่แพร่ระบาดรวดเร็วที่สุดในประเทศกำลังพัฒนา
ซึ่งทาง "ดับเบิลยูเอชโอ" กล่าวระหว่างการประชุมเพื่อ กำหนดนโยบายต่อสู้ปัญหาวัณโรคดื้อยา ในกรุงปักกิ่ง ว่า กว่าครึ่งของผู้ป่วยวัณโรคเป็นสายพันธุ์ดื้อยาหลายขนานตั้งแต่แรก ซึ่งไม่ได้เป็นผลโดยตรงมาจากการรักษาที่ไม่ได้มาตรฐาน ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่วัณโรคดื้อยาได้แพร่ระบาดสู่ประชากรทั่วไปอย่างรวดเร็ว
ข้อมูลองค์การอนามัยโลกเมื่อปี 2549 พบว่า ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ 9 ล้านราย ในกลุ่มนี้ราว 490,000 รายเป็นสายพันธุ์วัณโรคดื้อยาหลายขนาน และอีก 40,000 รายเป็นวัณโรคดื้อยาเกือบทุกขนาน และมีทางเลือกในการรักษาไม่มากนัก จึงทำให้มีอัตราการเสียชีวิตสูง สำหรับอินเดียเป็นประเทศที่มีอัตราผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานสูงที่สุดในโลก ตามด้วยจีน
แน่นอนว่าในขณะนี้มีการคิดค้นยาตัวใหม่ ๆ เพื่อป้องกัน วัณโรค ดื้อยาแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างการคิดค้นอยู่นั่นเอง เพราะฉะนั้นทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คือ การรักษาสุขภาพร่างกายของตัวเอง และคนในครอบครัวให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงรวมทั้งการรับประทานอาหหารที่ดีมีประโยชน์ ดูจะเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในเวลานี้