รักแร้…ดูแลได้
เกลี้ยงเกลา ไร้ขน
การกำจัดขนรักแร้ในปัจจุบันมีให้เลือกหลายวิธีตามความชอบ ความสะดวก และงบประมาณ แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียให้ชั่งใจก่อนทำ ดังต่อไปนี้
- โกน
ข้อดี : ง่าย สะดวก กำจัดขนรวดเร็ว
ข้อเสีย : เนื่องจากรากขนยังอยู่ ขนจึงงอกเร็ว แข็งและเป็นตอ นอกจากนี้การโกนจะเกิดขูดบริเวณผิวหนังทำให้อักเสบและติดเชื้อขึ้น
- ถอน
ข้อดี : กำจัดขนได้แบบถอนรากออกมาด้วย ทำให้ขนที่งอกใหม่ใช้เวลานานกว่าจะขึ้นอีกครั้ง
ข้อเสีย : ใช้ระยะเวลานานกว่าจะถอนออกหมดและทำให้เกิดตุ่ม ลักษณะเหมือนหนังไก่ เนื่องจากขนคุดได้
- แวกซ์
ข้อดี : เหมาะกับคนที่มีขนยาว และหนา วิธีนี้รวดเร็วกว่าการถอน ขนที่ขึ้นใหม่จะนุ่มและงอกช้าประมาณ 6 สัปดาห์
ข้อเสีย : ค่อนข้างเจ็บ ทำให้เกิดตุ่มหรือการแสบแดงได้ และทำให้รูขุมขนใหญ่ขึ้น
- เลเซอร์
ข้อดี : เป็นการทำลายรากขน ทำให้ขนไม่งอกขึ้นมาใหม่อีก
ข้อเสีย : ต้องทำซ้ำประมาณ 4-6 ครั้ง และเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด 15,000 บาทขึ้นไป
- จี้ด้วยไฟฟ้า
ข้อดี : กำจัดขนได้ถาวรประมาณ 15-20เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนขนที่จี้ไฟฟ้าในแต่ละครั้ง
ข้อเสีย : อาจเกิดแผล รอยไหม้ หรือการระคายเคือง ต้องใช้เวลานาน และเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000-5,000 บาทต่อครั้ง
หลังกำจัดขนอาจใช้ผ้าชุบน้ำแข็งโปะเพื่อกระชับรูขุมขน และควรหลีกเลี่ยงการใช้ สารเคมี เช่น โลชั่น น้ำยาดับกลิ่นเหงื่อ ฯลฯ เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตัน และอักเสบขึ้น
สดชื่น ไร้กลิ่น
บริเวณรักแร้มีต่อมเหงื่ออยู่ 2 ชนิด คือ Eccrine glands และ Apocrine glands ต่อมชนิดแรกพบได้ทั่วร่างกาย ผลิตเหงื่อชนิดใสและมักไม่มีกลิ่น ยกเว้นเวลาที่กินอาหารมีกลิ่น เช่น กระเทียม แอลกอฮอล์ ส่วนต่อมเหงื่ออีกชนิดพบในบริเวณข้อพับ ขาหนีบ จะผลิตเหงื่อที่มีความเหนียวกว่าและมีกลิ่น นอกจากนี้ยังพบสาเหตุกลิ่นรักแร้จากพันธุกรรมและการทำงานที่ผิดปกติของรูขุมขนและต่อมเหงื่อ
ปัญหากลิ่นตัวที่เกิดจากสาเหตุทั้งหมดนี้แก้ไขได้ดังนี้
- ทำความสะอาดด้วยสบู่เพื่อชำระล้างเหงื่อ
- กำจัดขนเพื่อลดการหมักหมมของแบคทีเรีย
- ใช้ยาระงับกลิ่นกาย ที่มีให้เลือกทั้งแบบสเปรย์ โรลออน และสติ๊ก ซึ่งจะแตกต่างกันเพียงรูปลักษณ์ภายนอก แต่คุณสมบัติไม่ต่างกัน แต่ต้องระวังผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบบน้ำมัน (oil) เพราะอาจทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันได้ และผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ (Antiperspirant) ซึ่งมีการวิจัยพบว่า สารลดการขับเหงื่อจะไปปิดกั้นต่อมเหงื่อ จนก่อให้เกิดมะเร็งได้หากใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
- ใช้สารส้ม เนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นด่างจึงช่วยลดความเป็นกรดในเหงื่อลงได้ ช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นตัวอย่างได้ผล ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จากสารส้มออกมาหลายรูปแบบ และได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ เช่น แป้ง โรลออน สเปรย์
- การทำงานที่ผิดปกติของรูขุมขน และต่อมเหงื่อควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อใช้ยาปฏิชีวนะประเภทครีม
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่น เช่น กระเทียม แอลกอฮอล์
วงแขนขาวเนียน
ปัญหารักแร้ดำเกิดได้จากหลายสาเหตุ คือ จากการอักเสบเรื้อรังที่มีสาเหตุจากการเสียดสี บริเวณใต้วงแขน ปริมาณเม็ดสีหรือเมลานินมากเกินไป การใช้ผลิตภัณฑ์ใต้วงแขนที่มีแอลกอฮอลล์ ผสมอยู่เป็นประจำ เมื่อแอลกอฮอล์ระเหยจะดึงน้ำจากผิวไปด้วย ทำให้ผิวแห้งและเกิดรอยดำขึ้นได้ วิธีการปรับสีผิวใต้วงแขนให้ขาวขึ้นนั้นทำได้หลายวิธี
- ใช้ยาหรือเวชสำอางลดการทำงานของเม็ดสี เช่น ยาในกลุ่มไวท์เทนนิ่ง ได้แก่ Kojic Acid, Licorice, Retinal ที่ไม่ส่วนผสมของสารปรอท โดยหาซื้อได้ตามรายขายยาทั่วไป
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทาวงแขนขาวที่ผสมกรดผลไม้ (AHA) มีความเข้มข้น 5-8 เปอร์เซ็นต์เพื่อผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใสยิ่งขึ้น
- เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใต้วงแขนทุก 6 เดือน เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับสารเคมีตัวเดิมนานเกินไปจนเกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง
ขอบคุณข้อมูล : นิตยสาร Health & Cuisine ฉบับที่ : 99