
ถือเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนต้อง “เรอ-ผายลม” แต่คงไม่พึงประสงค์นักหากผิดที่ผิดทาง สิ่งเหล่านี้เกิดจากการมีก๊าซในทางเดินอาหาร ซึ่งร่างกายต้องขับออกมาอยู่เป็นประจำ แต่หากมีมากเกินไปจะทำให้เกิดการจุกเสียดแน่นท้องรวมทั้งอาการอื่น ๆ ตามมา
ยิ่งในภาวะปัจจุบันสังคมขับเคลื่อนให้คนทำงานแข่งกับเวลามากขึ้น จำต้องรับประทานอาหารจานด่วนเกือบทุกวันเพื่อย่นระยะเวลาการไปถึงที่ทำงานให้เร็วขึ้น หรือบางคนรีบร้อนจนไม่ทันเคี้ยวอาหารให้ละเอียด เมื่อวงจรชีวิตเร็วขึ้น ๆ ขณะ ที่ระบบของร่างกายยังทำงานในจังหวะจะโคนดังเดิม โรคต่าง ๆ ก็ตามมา
โรคก๊าซในทางเดินอาหาร หลายคนอาจไม่ให้ความสนใจนักเพราะไม่มีผลร้ายแรงต่อร่างกาย แต่อาจบ่งชี้ว่า คุณกำลังประสบกับภาวะโรคร้าย อยู่ !!
นพ.สว่างพงษ์ พูลทรัพย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาอายุร ศาสตร์โรคทางเดินอาหารและตับ ศูนย์การแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพ แนะนำว่า ก๊าซในทางเดินอาหารนับวันยิ่งเป็นปัญหาทำให้มีผู้ที่ทนทุกข์ทรมานจากอาการเหล่านี้มากขึ้น อาจเนื่องจากระบบการใช้ชีวิตของมนุษย์มีความรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้บริโภคอาหารที่ก่อให้เกิดก๊าซมากขึ้น ไปด้วย
ก๊าซในทางเดินอาหารเกิดจาก ปัจจัยแรกคือ กลืนอากาศเข้าไป ส่วนใหญ่เป็นก๊าซไนโตรเจนและก๊าซออกซิเจน คนส่วนใหญ่มักนึกไม่ถึงว่าโดยปกติเราจะกลืนก๊าซทุก ๆ ครั้งที่กลืนน้ำหรืออาหารเฉลี่ยประมาณ 2.6 ลิตรต่อน้ำ 1.5 ลิตรต่อวัน และอาจมากกว่านี้ในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติซึ่งกลืนก๊าซโดย ไม่รู้ตัว โดยก๊าซที่กลืนมักถูกขับออกด้วยการเรอและส่วนน้อยถูกขับออกด้วยการผายลมอย่างน้อยประมาณ 0.5 ลิตรต่อวัน
ปัจจัยที่สอง เกิดจากการสร้างก๊าซขึ้นมาของร่างกายส่วนใหญ่ โดยแบคทีเรียใน ลำไส้ใหญ่จะย่อยอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลที่ ย่อยยากบางชนิด และจากปฏิ กิริยาของสารในร่างกาย กลุ่มนี้จะเป็นประเภท ก๊าซไฮโดรเจน, คาร์บอนไดออกไซด์, มีเทน ตลอดจนก๊าซอย่างอื่นอีกเล็กน้อยอันจะทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์
“คนเราผายลมเฉลี่ย 10-20 ครั้งต่อวัน ในปริมาณก๊าซที่ถูกขับออกมาถึง 0.5- 1.5 ลิตรต่อวัน โดยไม่ขึ้นอยู่กับอายุหรือเพศ”
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว