เขาด่าฉันว่า .....

เขาด่าฉันว่า .....


ต้องขออภัยที่เรื่องจริงนี้อาจจะมีคำไม่สุภาพอยู่บ้าง....แต่จากที่เจ๊คิดแล้วว่า การที่จะได้รับรู้เรื่องจริงบางครั้งเราก็ควรรับฟังสิ่งที่เป็นความจริง "คำว่า...กะหรี่" ไม่สุภาพและใช้เรียกผู้หญิงที่ขายตัว

หากอยู่ๆมีคนมาเรียกคุณเช่นนี้ คุณจะทำอย่างไร เธอคนนี้เขียนเข้ามาเล่าให้เรารับรู้เรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมีความอดทนกับการใช้ชีวิตคู่ เธอสามารถยืนหยัดอยู่ได้ เพราะความไว้ใจและเชื่อใจคนรัก

เรื่องเริ่มจาก เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ ยุ (ตอนนั้นอยู่ ม.5) ได้เคยรู้จักกับแฟนดิฉันเมื่อประมาณ 3-4 ปีมาแล้ว (ติดต่อกันโดยที่ยุเขียนจดหมายมาหา และแฟนดิฉันตอบไปบ้างเป็นบางฉบับ เพราะแฟนดิฉันได้เอา จ.ม.เก่า ๆ มาให้อ่าน จึงทราบค่ะ) และยุก็แอบชอบแฟนดิฉัน ดิฉันและแฟนรู้จักกันครั้งแรก หลังจากที่รู้จักกับยุ 2 ปีต่อมา แต่พอรู้จักกันคบกันเป็นเพื่อนสักพัก ก็พัฒนามาเป็นแฟน ปัจจุบันนี้ สมรสกันแล้วค่ะ... และดิฉันก็รู้จัก คือเคยพูดคุยกับยุด้วย

จากการพูดคุยดิฉันรู้ตามนิสัยผู้หญิง ว่ายุชอบแฟนดิฉัน

ทั้งที่แฟนดิฉันคบแบบน้องสาว และคิดแบบน้องสาว เพราะยุมักโทรคุยเรื่องเรียน แต่โทรทุกวัน ตลอดที่ดิฉันและแฟนคบหากันนั้น ยุก็โทรหาตลอด ดิฉันไม่เคยว่าอะไร ดิฉันและแฟนใช้เบอร์คู่กัน ต่อมาโทรศัพท์แฟนดิฉันหาย ยุจึงโทรมาเบอร์ดิฉัน แต่แฟนดิฉันไม่รับ และไม่คุยกับน้องอีก เพราะรู้แล้วว่าน้องคิดยังไงกับเขา และแฟนเคยไปแล้วว่าคิดกับยุเพียงแค่น้องสาว และไม่มีวันเป็นไปได้ที่จะมาเป็นแฟน หรือแต่งงานกับยุอย่างที่ยุต้องการ แต่ยุไม่ยอมเลิกรา เงียบหายบ้าง โทรมาบ้าง

จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่เงียบหายไปพักหนึ่ง ยุก็โทรมาอีก ถามดิฉันว่ายังคบกับแฟนดิฉันอยู่รึเปล่า ดิฉันก็บอกว่าคบกันอยู่ และกำลังจะแต่งงานกันแล้ว

ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเตรียมงานให้เรียบร้อย ยุก็ขอคุยกับแฟนดิฉันอีก และแฟนดิฉันก็ไม่คุยอีกเหมือนเดิม ยุคงโมโหจึงบอกว่า มีอะไรกับแฟนดิฉันแล้ว ตั้งแต่ยังไม่ จบ ม.6 ที่บ้านครูของยุ และพูดอย่างอื่นอีกมากมาย เช่นว่า แฟนดิฉันไม่รักดิฉัน แต่รักยุ ที่แต่งงานกับดิฉันเพราะความจำเป็น ถึงแต่งงานกับดิฉันแล้ว ยังให้ยุเป็นเมียน้อยด้วย

ดิฉันก็คิดมากเหมือนกันแต่ไม่ได้ทะเลาะกับแฟนนะ แค่เล่าให้ฟังแล้วบอกให้พูดความจริงมา แฟนดิฉันปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาค่ะ วันรุ่งขึ้นดิฉันไปพูดคุยกับแม่ แม่ก็บอกไม่ต้องคิดมาก เรื่องจริงจะเป็นยังไงก็ช่าง อดีตผ่านมาแล้ว ปัจจุบันแฟนดิฉันรักและจริงใจกับดิฉันก็พอ ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหลังแต่งงานค่อยว่ากัน

และช่วงบ่ายในวันนั้น ครูของยุโทรมา ถามว่า (ชื่อดิฉัน) ใช่มั๊ย มึงไม่ต้องโทรหายุอีกนะ ดิฉันตอบไปว่า ไม่เคยโทรเลยมีแต่ยุโทรมา ครูของยุพูดอีกว่า ก็เขาเป็นแฟนเก่ากัน มึงน่ะเป็นกะหรี่มาจากไหน บอก (ชื่อแฟนดิฉัน) ด้วยนะว่ากูจะเอาให้ออกจากงานเลย แล้ววางสายไป ดิฉันเล่าให้แฟนฟัง แฟนดิฉันบอกไม่ต้องสนใจ

หลังจากนั้นครูของยุโทรมาอีก 2-3 ครั้ง แต่ดิฉันไม่รับ จนทนไม่ไหวโทรหายุ ถามว่าทำไมยุต้องให้ครูโทรมาด่าพี่ด้วย พี่เคยพูดไม่เพราะ เคยด่าเคยว่ายุหรือยัง

ยุตอบว่ายุไม่รู้เรื่องครูโทรไปเองโทรเมื่อไหร่ไม่รู้ และบอกอีกว่าแฟนดิฉันเคยบอกกับยุว่า เมื่อแฟนดิฉันเรียนจบแล้วจะมาขอยุแต่งงาน แต่ยุยังไม่แต่งหรอกเพราะยังต้องเรียนอีก ดิฉันบอกยุว่าหากจะคุย ก็คุยกันดี ๆ ถ้าโทรมาด่าแบบนี้ไม่คุยด้วยหรอก

ดิฉันเล่าให้แฟนดิฉันฟังถึงเรื่องที่ยุบอก แฟนดิฉันจึงให้ดิฉันต่อโทรศัพท์หายุ และแฟนดิฉันก็ถามยุว่าทำไมพูดแบบนี้ เคยบอกแล้วว่ายังไงก็ไม่ได้คิดกับยุแบบนั้น เป็นแฟนกันไม่ได้ แต่งงานกันไม่ได้ เพราะไม่ได้รักยุ แล้วทำไม่ยังพูดอย่างนี้กับแฟนพี่อีก แล้วให้คนโทรมาด่าแฟนพี่ทำไม ดิฉันก็ปล่อยให้แฟนดิฉันคุยไปโดยที่ไม่พูดแทรกอะไรเลย พอวางสายกัน แฟนดิฉันเล่าว่า ยุบอกว่าเรื่องขอแต่งงานครูเป็นคนพูดให้ฟัง เรื่องที่ครูโทรด่าก็ไม่รู้เรื่อง แต่ดิฉันโทรไปด่ายุตลอด ดิฉันจึงบอกว่า นึกแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เพราะจากการที่คุยกัน พอจะรู้ว่ายุเป็นคนโกหก

สังเกตุง่าย ๆ จากเรื่องขอแต่งงาน บอกกับดิฉันว่าแฟนดิฉันเป็นคนบอกกับยุ แต่บอกกับแฟนดิฉันว่าครูของยุเป็นคนบอกกับยุ และระหว่างที่ยุเคยโทรหาดิฉัน ยุบอกว่าเรียนอยู่ที่อยุธยา แต่จริง ๆ เรียนอยู่ที่ นครราชสีมา เพราะยุเคยเอาเบอร์เพื่อนโทรมา ดิฉันลองโทรกลับไป เพื่อนยุบอกว่าเรียนอยู่ที่นครราชสีมา

นี่คื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับดิฉัน ที่ดิฉันอยากบอกเล่าคือ

การกระทำของคนที่มีอาชีพเป็นครู มีอาชีพเป็นแม่พิมพ์ของชาติ กลับทำตัวยุยงส่งเสริมลูกศิษย์ในทางไม่ดี คำพูดคำจาไม่ควรออกจากปากของคนที่เป็นครู เมื่อรู้ว่าผู้ชายที่ลูกศิษย์ตัวเองแอบชอบ กำลังจะแต่งงานมีครอบครัว ที่ควรทำคือบอกสอนลูกศิษย์ให้เลิกยุ่ง กลับโทรมาด่าราวีแทนลูกศิษย์
ปัจจุบันดิฉันทราบค่ะ ว่าครูคนนี้ชื่ออะไร สอนอยู่โรงเรียนไหน และยุเรียนอยู่ที่ไหน แต่ดิฉันไม่อยากเอาเรื่อง หรอกค่ะเพราะนานแล้ว แต่ที่ลงเรื่องราวให้อ่าน แค่อยากให้รับรู้ถึงนิสัยของครูคนนี้ค่ะ

นอกจากจะขอบคุณเจ้าของเรื่องนี้แล้ว อยากจะแสดงความคิดเห็นสักเล็กน้อยด้วยว่า ผู้หญิงเราเนี่ยมักจะหูเบาและฟังความข้างเดียว ซึ่งผลเสียก็จะตกอยู่กับตัวเองในที่สุด ไม่ว่าจะมีอาชีพอะไรก็ตามก็จะทำลายอาชีพตัวเองได้เช่นกัน ครูคงไม่มีนิสัยเช่นนี้กันทุกคน แต่ถ้าพูดถึงครูคนนี้อาจจะเพราะรักลูกศิษย์มากเกินไปจนลืมนึกถึงสิ่งอื่นๆ

**ชื่อบุคคลในเรื่องเป็นเพียงนามสมมติ

ผู้หญิงนะคะ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์