ผิวหน้าเป็นส่วนสำคัญที่สะท้อนถึงความเป็นตัวตนของคุณ เปรียบดังประตูบ้าน ซึ่งเป็นด่านที่ทุกคนจะต้องพบก่อนเข้าถึงตัวบ้าน
ดังนั้นการดูแลรักษาผิวหน้าให้สวยใสมีสุขภาพดีจึงมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
เคล็ดลับการดูแลสุขภาพผิวให้สวยใสสุขภาพดีนั้นง่ายมาก นอกเหนือจากการล้างหน้าให้สะอาด เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ดี นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว ยังมีอาหารอยู่ 5 ประเภท ที่เปรียบเสมือนเป็นตัวช่วยส่งเสริมความสวยใสให้ใบหน้าได้
น้ำสะอาด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่างกาย เซลล์ผิวหนังต้องการความชุ่มชื้นเพื่อดำรงความแข็งแรงอ่อนเยาว์ให้ผิวหน้า หากอยากมีสุขภาพผิวดี ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายเสียเหงื่อมากอาจต้องการมากกว่านั้น
ปลาแซลมอน อุดมไปด้วยโอเมกา 3 โอเมกา 6 ซึ่งเป็นผลดีสำหรับหัวใจ และยังช่วยรักษาโรคผิวหนัง ผิวแห้ง ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์สดใส กรดไขมันและสารต้านอนุมูลอิสระในแซลมอนคือกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพผิว
จมูกข้าว อุดมไปด้วยวิตามิน บี วิตามิน อี ซีลีเนียม ซึ่งช่วยในการชะลอการเสื่อมของเซลล์ ต่อสู้กับริ้วรอยแห่งวัย นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง และเพิ่มประสิทธิภาพครีมบำรุงผิวให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
ผักและผลไม้ อุดมไปด้วยวิตามิน เอ และซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน ซี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนช่วยให้ผิวตึงกระชับและมีเลือดฝาด โดยเฉพาะมันฝรั่งหวานและแครอตซึ่งอุดมไปด้วยเบตาแคโรทีนช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และต่อสู้กับอนุมูลอิสระตัวการก่อมะเร็ง
บลูเบอร์รี อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและต้านมะเร็ง สารไฟโตเคมิคอลในบลูเบอร์รีเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บลูเบอร์รีมีความพิเศษ เนื่องจากสารนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการลดผลกระทบจากบุหรี่ ควันพิษ และสารเคมีรอบด้าน ซึ่งเป็นการปกป้องผิวพรรณโดยธรรมชาติ
แม้ว่าคุณจะดูแลผิวพรรณได้ดีอยู่แล้ว แต่อาหาร 5 ชนิดที่กล่าวมาจะยิ่งช่วยให้การดูแลผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากอาหารทั้ง 5 ชนิด มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผิวหน้ามีสุขภาพดี แข็งแรง พอที่จะต่อสู้มลพิษที่เราต้องเผชิญทุกวัน
การศึกษาเกี่ยวกับอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้การดูแลผิวพรรณเป็นไปได้ง่ายขึ้น การระวังและตระหนักถึงตัวการริ้วรอยแห่งวัยไม่เคยให้ผลเสีย ในทางตรงกันข้าม สารอาหารที่เราได้รับไม่เพียงทำให้ผิวพรรณกระจ่างใส มีสุขภาพดี แต่ยังช่วยส่งเสริมให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรงขึ้นด้วย ว่าแล้วก็ลองเปิดตู้เย็นเช็กดูหน่อยซิว่า เย็นนี้เรายังขาดอะไรที่ต้องไปซื้ออีกบ้าง...
ที่มา .. โพสต์ทูเดย์