ใครฆ่า...? นโปเลียน
Napoleon Bonaparte อดีตจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศส
ทรงประสูติที่เมือง Ajaccio บนเกาะ Corsica เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2312 ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การยึดครองของฝรั่งเศส ดังนั้น นโปเลียนจึงมีเชื้อชาติอิตาเลียน ขณะที่อยู่ในวัยหนุ่ม นโปเลียนมีทัศนคติว่าฝรั่งเศสคือผู้รุกราน จะอย่างไรก็ตาม
เขาก็ได้เข้าศึกษาวิชาทหารในประเทศฝรั่งเศสจนสำเร็จการศึกษาขณะที่มีอายุ ได้เพียง 16 ปี จากนั้นก็ได้เข้ารับตำแหน่งนายร้อยโทในกองทัพ พออีก 4 ปีต่อมาได้เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส รัฐบาลฝรั่งเศสที่ถูกจัดตั้งขึ้นหลังการปฏิวัติได้ประกาศสงครามกับต่างชาติหลายประเทศ
โดยได้ส่งกองทัพเข้ายึดเมือง Toulon กลับคืนมาจากอังกฤษ นโปเลียนซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับบัญชากองทหารปืนใหญ่ในขณะนั้น ได้ตัดสินใจทิ้งสัญชาติ Corsican ของตนอย่างสิ้นเชิง และยอมรับว่าตนเป็นชาวฝรั่งเศสอย่างสมบูรณ์ การรบชนะสงครามครั้งนั้นได้นำชื่อเสียงมาสู่นโปเลียนมาก ทำให้ได้รับตำแหน่ง นายพลจัตวาในกองทัพบก เมื่อมีอายุได้ 27 ปี เขาได้รับการแต่งตั้งให้ควบคุมกองทัพบุกรุกอิตาลี และเมื่อได้ชัยชนะนโปเลียนก็ได้เดินทาง กลับฝรั่งเศสในฐานะวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาติ
ในปี พ.ศ. 2341 นโปเลียนได้นำกองทัพฝรั่งเศสบุกอียิปต์
ถึงแม้ในการต่อสู้ทางบก กองทัพของนโปเลียนจะมีชัย แต่ในการสู้รบทางเรือ กองทัพของนโปเลียนถูกกองทัพเรืออังกฤษ ภายใต้การนำของ Lord Nelson ทำลายสิ้น
เมื่อแพ้สงครามนโปเลียนได้เดินทาง กลับฝรั่งเศส แต่ประชาชนฝรั่งเศสจดจำนโปเลียนในฐานะผู้พิชิตอิตาลีดียิ่งกว่าผู้พ่ายแพ้สงครามที่อียิปต์ ดังนั้นนโปเลียน จึงใช้ความนิยมนี้ปฏิวัติ ล้มระบบการปกครองเดิม และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่มีนโปเลียนเป็นกงสุลใหญ่ทันทีแล้ว ก็ได้มีการร่าง รัฐธรรมนูญใหม่เพื่อให้นโปเลียนขึ้นครองอำนาจอย่างสมบูรณ์
หากนับเวลาการไต่เต้าทางการเมืองของนโปเลียนแล้ว เราก็จะเห็นว่า จากอายุ 24 ปี ที่ไม่มีใครรู้จักมาได้พิชิตศึกที่ Toulon อีก 9 ปีต่อมา เขาก็ได้เป็นจักรพรรดิของฝรั่งเศสแล้วความก้าวหน้านี้จึงเป็น การกระโจนขึ้นสูงที่ค่อนข้างเร็ว ประวัติศาสตร์ยังได้จารึกอีกว่า ในขณะที่มีอำนาจ นโปเลียนได้จัดระเบียบการปกครอง
และ ระบบกฎหมายใหม่หมด มีการจัดตั้งธนาคารชาติและมหาวิทยาลัยหลายแห่ง และได้รวมอำนาจการปกครองสมัยนั้น มาไว้ที่ส่วนกลางหมด นอกจากนี้ก็ยังได้จัดสร้าง Code Napoleon ซึ่งถือว่าในแง่กฎหมายแล้วประชาชนทุกคนเท่าเทียมกันหมด ไม่มีใครมีอภิสิทธิ์เหนือใคร และเขายังได้ออกกฎหมายให้คนจนที่ไร้การศึกษาเรียนรู้กฎหมายว่ามันคืออะไร เพื่อให้เข้าใจกฎหมายดีขึ้นนั่นเอง
เมื่ออายุได้ 35 ปี นโปเบียนก็ได้สถาปนาตนเป็นจักรพรรดิ์ของฝรั่งเศส
และ ได้มอบหมายให้ญาติพี่น้องของตน 3 คนไปปกครองสเปน ออสเตรเลียและปรัสเซีย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ประชาชนหลายคน ไม่พอใจมากโดยหาว่านโปเลียนเล่นพวก และเมื่อนโปเลียนได้ทำ สัญญาสงบศึกกับอังกฤษเพื่อให้ทหารในกองทัพได้พักผ่อนหลังจาก
ที่ได้ทำศึกสงครามกันมานานร่วม 10 ปี แต่ในปี 2348 นั้นเอง สงครามกับอังกฤษก็ได้ระเบิดอีก เพราะนโปเลียนคิดจะยึดเกาะอังกฤษ ถึงแม้สงครามทางบกจะชนะแต่ในการสู้รบทางเรือของฝรั่งเศสก็ยัง คงแพ้กองทัพเรืออังกฤษอยู่นั่นเอง และเมื่อนโปเลียนแพ้สงครามเรือที่ Trafalgar อย่างราบคาบ อังกฤษก็ได้เป็นเจ้าทะเลอย่างไร้ชาติใด เทียมทานตั้งแต่นั้นมา
ในปี 2351 นโปเลียนได้กรีธาทัพบุกสเปน
การสู้รบได้ติดพันกันนานหลายปีจนในที่สุดสเปนได้ยอมเป็นพันธมิตร แต่นโปเลียน ก็ยังหาพอใจไม่เพราะตั้งใจ จะให้ปารีสเป็นเมืองหลวงของยุโรป
จึงได้ทำสงครามกับรัสเซียต่อในปี 2355 เมื่อกองทัพ รัสเซียใช้วิธีหลบเลี่ยงไม่ต่อสู้ กองทัพฝรั่งเศสซึ่งมีกำลังคน 400,000 คน จึงบุกเข้าไปในรัสเซียได้ลึกและเร็วและยึดกรุง Moscow ได้ในเดือนกันยายนของปีนั้นเอง ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 5 สัปดาห์
รัฐบาลรัสเซียก็ยังไม่ยอมลงนามในสัญญาสงบศึก ขณะนั้นเป็นฤดูหนาวเมื่อทหารรัสเซียได้จุดไฟเผาเมืองและเสบียงอาหารในกองทัพเริ่มขาดแคลน การลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เริ่มติดขัด
นโปเลียนจึงตัดสินใจถอยทัพกลับ และได้ถูกทหาร Cossack ของรัสเซียโจมตี ทำให้ทหารฝรั่งเศส จำนวนนับแสนล้มตาย การแพ้สงครามของนโปเลียนในครั้งนั้นได้ทำให้รัสเซีย สวีเดน ออสเตรีย และปรัสเซียผนึกกำลังกันสู้ฝรั่งเศส และพิชิตฝรั่งเศสได้ในปี พ.ศ. 2356 จากนั้นกองทัพพันธมิตรได้บังคับให้นโปเลียนทรงสละราชสมบัติ และถูกเนรเทศไปประทับที่เกาะ Elba ซึ่งตั้งอยู่ในทะเล Mediterranean
เมื่อประทับอยู่บนเกาะ
ได้เพียงปีเดียว นโปเลียนก็ได้หลบหนีออกจากเกาะ Elba กลับไปฝรั่งเศสอีก การกลับคืนสู่อำนาจของ นโปเลียนในครั้งนั้น
ได้ทำให้ออสเตรเลีย รัสเซีย เยอรมนี และอังกฤษ ร่วมกันประกาศสงครามกับฝรั่งเศสอีกและเมื่อนโปเลียนแพ้ สงครามอย่างยับเยินที่ Waterloo จึงทรงถูกจับขังบนเกาะ St. Helena ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งในมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อให้มั่นใจว่า จักรพรรดิบรรลัยโลกพระองค์นี้จะไม่หวนกลับมารังควานโลกอีก นโปเลียนได้สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ปีพ.ศ. 2364 ขณะมีพระชนมายุได้ 52 ชันษา
ในภาพรวมพระองค์ทรงยิ่งใหญ่
สู้ Alexander หรือ Genghis Khan ไม่ได้ เพราะนายทัพทั้งสองไม่เคยแพ้สงครามเลย แต่นโปเลียนทรงแพ้ สงครามหลายครั้งโดยเฉพาะการปราชัยที่ Waterloo นั้น ได้ทำให้ฝรั่งเศสมีดินแดนน้อยลงกว่าที่เคยมีเมื่อ ก่อน ปฏิวัติเสียอีก
และในการทำสงคราม ที่ยืดเยื้อกับสเปนนั้น สงครามได้ทำให้สเปนอ่อนแอ ประเทศต่างๆ ในอเมริกากลางที่เป็นเมืองขึ้น ของสเปนจึงได้มีโอกาสประกาศตัวเป็นเอกราช
คำถามที่นักประวัติศาสตร์ได้พยายามตอบมานานแล้วก็คือ ใครฆ่านโปเลียนหรือพระองค์สิ้นพระชนม์เพราะโรคมะเร็งกระเพาะ
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 นักประวัติศาสตร์ นักพิษวิทยา และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องมะเร็งได้ประชุมกันที่ปารีสเพื่อ "ยุติ" ประเด็นสงสัยนี้ ในอดีตนักประวัติศาสตร์ได้เคยมีความเชื่อมานานว่า มะเร็งคือโรคร้ายที่คร่าชีวิตนโปเลียน แต่นักวิชาการรุ่นหลังๆ นี้กลับมีความเชื่อว่า นโปเลียนถูกปลงพระชนม์ เมื่อหน่วยสืบราชการลับ FBI ของสหรัฐฯ และ Scotland Yard ของอังกฤษได้พบว่าเส้นผมของนโปเลียนหลายเส้นมียาพิษ
ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งคนหนึ่งก็ได้ให้เหตุผลว่า
ถ้านโปเลียนเป็นมะเร็งที่กระเพาะจริง น้ำหนักตัวของพระองค์จะต้องลดลง อย่างมากมายน่าใจหาย แต่จากหลักฐานที่มีในบันทึกตลอดเวลาที่องค์จักรพรรดิประทับอยู่ที่ St. Helena นั้น พระองค์มีพระวรกาย สมบูรณ์ดี
B. Weider ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพระราชประวัติของนโปเลียนก็ได้กล่าวเสริมว่า พระอาการพระเกศาร่วง บรรทมไม่หลับ เดี๋ยวสุขสบายดี เดี๋ยวทุกข์ยากลำบาก ส่อแสดงให้เห็นว่ากำลังถูกพิษของสาร Arsenic ในไวน์ที่ทรงดื่ม
และเมื่อครั้งที่พระศพ ของพระองค์ถูกนำมาเปิดให้สาธารณชนชมเมื่อ 20 ปีก่อนนี้ พระศพยังอยู่ในสภาพที่ดีมาก ซึ่งนี่ก็คือผลของ Arsenic เพราะสารชนิดนี้มีคุณสมบัติสามารถเก็บอนุรักษ์ของที่กำลังจะเน่าเปื่อยได้ และผู้ที่ Weider สงสัยมากที่สุดว่าเป็นผู้ทำการ ฆาตกรรมในครั้งนั้นก็คือท่าน Count แห่ง Montholon สหายคนสนิทของนโปเลียนนั่นเอง ผู้ได้ทำไปตามพระราชประสงค์ ของพระเจ้า Charles ที่ 10 ซึ่งเป็นพระราชาในอนาคตของฝรั่งเศสในขณะนั้น
นักพิษวิทยาก็ได้กล่าวเตือนว่า
แต่ใครก็ตามที่บริโภคอาหารทะเลมากเลือดในร่างกายมีโอกาสจะมี Arsenic มาก ดังนั้นเมื่อ นโปเลียนประทับอยู่บนเกาะ อาหารที่ทรงเสวยจึงน่าจะเป็นอาหารทะเล เมื่อเป็นเช่นนี้ Arsenic ที่พบจึงน่าจะเป็น Arsenic ที่มาจากอาหารทะเล
แต่ผู้เชี่ยวชาญอีกท่านหนึ่งได้ให้เหตุผลว่า เส้นพระเกศาของนโปเลียนที่ปรากฏมี Arsenic เพราะมันถูกเก็บในภาชนะที่มี Arsenic เพราะนักอนุรักษ์ได้มีความคิดที่จะใช้ Arsenic พิทักษ์ปกป้องมิให้เส้นผมของนโปเลียนสูญสลายนั่นเอง หนทางเดียวที่จะ ตัดสินได้ว่า นโปเลียนสิ้นพระชนม์เพราะใครหรือเพราะอะไร คือเอาพระศพของนโปเลียนที่ขณะนี้อยู่ที่ Les Invalides ในกรุงปารีส มาวิเคราะห์ DNA ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้อีกครั้งครับ
ขอขอบคุณ
ข้อมูลทางด้านโบราณคดี
จาก webside โบราณคดี