อย่าไล่ให้จนตรอก
มีน้ำใจ อภัยกัน รักสามัคคีกัน ดีกว่านะอย่าไล่ให้จนตรอก“ อย่าไล่ให้จนตรอก ” เป็นคำเตือนตนที่ดี กับคนที่พลาดพลั้ง ไม่มีทางต่อสู้แล้ว หรือทั้งรู้ว่าแพ้แน่ ๆ เราจะมีทางออกให้เขาได้ไหม
สุนัขจนตรอกเมื่อถึงทางตัน คติประจำใจคือ “ ตายเป็นตาย ”
ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าข้าม เพราะสักวันที่เขาลุกขึ้นได้ อะไรจะเกิดก็ย่อมเกิด
“ อย่าไล่ให้จนตรอก ” นักเลย ทุกคนมีศักดิ์ศรี มีความหยิ่งในตัวเอง แม้บางคนจะไม่มีอะไรให้หยิ่งเลยก็ตาม
“ อภัย ” กำลังขาดแคลน จิตวิญญาณคนเต็มไปด้วยความพยาบาท จึงยากนักที่จะอ่อนโยนแก่ฝ่ายตรงข้าม แกร้ายกับฉัน หากฉันมีโอกาส ฉันจะต้องคิดบัญชีแน่นอน
“ อย่าไล่ให้จนตรอก ” เราล้ม เราก็คงไม่อยากให้ใครมาย่ำ คนเราทำสิ่งใดก็ต้องระวังกฎแห่งกรรมเช่นเดียวกัน
ขอทางออกบ้างเถิด อย่ารุกขยี้ต้อนเข้ามุมจนไม่มีทางออก
ผิดแล้วก็ต้องให้อภัย ไม่เป็นไร ลืมเสียเถิด
แต่ถึงทีของเรา ก็ใช่จะต้องให้ดาบนั้นคืนสนอง
เราไม่ใช่ผู้กำหนดกฎแห่งกรรมนะ ระวังเถอะ เผลอนิดเดียวจะกลายเป็นผู้ร่วมชะตากรรมกับเขา
เลิกเถอะ หากจะทำอะไรเพียงแค่สะใจเพราะผลที่ตามมาอาจเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
โลกนี้มีแรงกดดันมากพอแล้ว อย่าได้เพิ่มแรงกดดันให้มากกว่านี้อีกเลย
นั่งลง สำรวจตน ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน
เราได้บีบคั้นใครมากเกินไปหรือไม่
เราได้เยาะเย้ยถากถางอย่างเอร็ดอร่อยไปแล้วกี่คน?
เราได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ไปแล้วกี่ราย?
เราได้ประจานเขาด้วยความสมน้ำหน้าไปแล้วกี่ครั้ง?
เราได้ไล่ให้จนตรอก ไม่มีทางออกกี่มากน้อย?
เจาะช่องสักหน่อย ผ่อนคลายความกดดัน
โลกรื่นรมย์ก็เพราะความมีน้ำใจ ไม่ถือสาต่างหาก
ให้เกียรติ ให้โอกาสเขาบ้าง
กรรมชั่วที่ใช้ความชั่วตอบโต้มันไม่หมดสิ้นหรอก ยังคงเป็นสังสารวัฏวนเวียนเป็นกงกรรมกงเกวียน เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตัดวัฏฏะนั้นเสีย อย่ามัวหลงบ้าอำนาจ อย่างน้อยลองมาเริ่มเป็นคนใจดีกันบ้าง
ด้วยการให้เกียรติ ให้อภัย และให้โอกาสเขาบ้าง
เอานะ ลองฝึกดู “ อย่าไล่ใครให้จนตรอก ”
(สงบสุขเก็บมาฝากค่ะ ขอให้ทุกคนมีสันติสุขภายในค่ะ)
(จากหนังสือ : ธรรมะเตือนตน โดย .....สุวลี)